ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ เสด็จทรงร่วมงาน “เวิลด์ ทราเวลมาร์เก็ต 2024 (WTM 2024)” ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ประทานสัมภาษณ์การส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยที่กำลังมีปรากฏการณ์พิเศษให้คนทั่วโลกอยากมาไทย จาก “น้องหมูเด้ง” ฮิปโปแคระตัวจี๊ดแห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว แนะนำให้ต่อยอดกระแสหมูเด้ง ต่อยอดนำผ้าไทยมาแต่งตัวให้อาร์ตทอยเพื่อเข้าถึงวัยรุ่น ให้ตระหนักการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวอยู่นานชั่วกัลปาวสาน แนะนำทำปี 2568 ให้ว้าว เพื่อเชิญนักท่องเที่ยวมาสัมผัสซอฟต์พาวเวอร์ หรือเสน่ห์ไทย
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนา พรรณวดี เสด็จทรงร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว ที่สำคัญที่สุดของสหราชอาณาจักรและหนึ่งในงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก “เวิลด์ ทราเวล มาร์เก็ต 2024 (WTM 2024)” ที่ศูนย์แสดงสินค้าและศูนย์การประชุม เอ็กซ์เซล ลอนดอน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อบ่ายวันที่ 5 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่นสหราชอาณาจักร ที่ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง มีนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ผู้บริหารและพนักงานเฝ้าฯ รับเสด็จ ณ คูหาประเทศไทย
ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ประทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนไทย ถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ว่า ขณะนี้หมูเด้งเป็น ปรากฏการณ์พิเศษ เป็นกระแสไปทั่วโลก มีผลต่อด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมของประเทศจากที่ทั่วโลก รู้จักประเทศไทยอยู่แล้ว หมูเด้งยังทำให้ไทยถูกรู้จักเป็นอันดับต้นๆ นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทย เพราะอยาก มาเยี่ยมหมูเด้ง มาชมความน่ารักด้วยตัวเอง มียูทูบเบอร์ หญิงชาวอเมริกันคนหนึ่งนั่งเครื่องบิน 18 ชั่วโมง มาไทย อยู่เมืองไทยไม่กี่ชั่วโมงเพื่อมาดูหมูเด้งและได้ดูแค่ 5 นาที เขามา 2 หนแล้ว ฉะนั้น สามารถต่อยอด เชิญชวนให้ทุกคนมาท่องเที่ยวชมอัตลักษณ์ของจังหวัดชลบุรี ที่ตั้งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว
ทูลกระหม่อมฯประทานสัมภาษณ์อีกว่า ผอ.สวนสัตว์เปิดเขาเขียวก็น่ารักมาก พี่เลี้ยงหมูเด้งมีความสามารถเป็นติ๊กต่อกเกอร์ ทำให้หมูเด้งดังไป ทั่วโลกสามารถโปรโมตสัตว์ต่างๆในแนวนี้ๆได้ให้เด็กๆรักสัตว์ ยังมีอีกซอฟต์พาวเวอร์ ที่สามารถเผยแพร่ ให้ทั่วโลกรู้จักคือ ผ้าไทย ที่เป็นเหมือนต้นทุนทาง วัฒนธรรมของท้องถิ่นไทย มีการจารึกประวัติศาสตร์ไทยอยู่บนลายผ้า มีลวดลายการย้อมสีมีเอกลักษณ์พิเศษ เช่น ผ้าไหมไทย ไหมมัดหมี่ ไหมแพรวา ผ้าย้อมคราม สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆช่วยพัฒนา การผลิต ต่อยอดคิดลายผ้าใหม่ๆ หรือตัดผ้าไทยแบบ ใหม่ไปอยู่บนรันเวย์โลกได้ หรือนำผ้าไทยแต่งตัวให้อาร์ตทอยเพื่อเข้าถึงวัยรุ่น ตอนนี้การท่องเที่ยวแบบ ยั่งยืนเป็นกระแสสำคัญที่ต้องตระหนัก เพราะสภาวะมลพิษอากาศและโลกร้อนทำให้เดือดร้อนไปทั่ว จึงต้องเปลี่ยนเทรนด์มาดูแลสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้นต้องท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รณรงค์ให้นักท่องเที่ยวรักธรรมชาติ เพื่อให้สถานที่ท่องเที่ยวอยู่กับเรานานชั่วกัลปาวสาน
“สำหรับในปี 2568 มีการเปิดตัวแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ถ้าจะเผยแพร่การท่องเที่ยวให้ทุกคนว้าวเราต้องมีการท่องเที่ยวพิเศษที่ทรงพลังกว่าเดิม ทำให้นักท่องเที่ยวจดจำประเทศไทยตลอดไป และอยากกลับมาเที่ยว ต้องขอความร่วมมือคนไทยทุกคนให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี เชิญนักท่องเที่ยวมาสัมผัสเสน่ห์ไทย เช่น รอยยิ้มคนไทย อาหารไทย มาต่อย มวยไทย มาดูแฟชั่นโชว์ เอนจอยผ้าไทย มาดูหมูเด้ง มาสนุกกับเทศกาลต่างๆ ที่มีเยอะเลย ก็จะว้าวมากขึ้น ทุกปี” ทูลกระหม่อมฯกล่าว
หลังการประทานสัมภาษณ์ ทูลกระหม่อมฯ ได้สาธิตการออกแบบตกแต่งตุ๊กตาหมีเทดดี้ เฮ้าส์ แบรนด์ตุ๊กตาหมีสัญชาติไทยที่ผลิตขึ้นจากการเย็บมือ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2541 มีสาขาแรกอยู่ที่ห้างเซ็นทรัล ชิดลมและขยายสาขาไปทั่วโลก ปัจจุบันมีกว่า 40 สาขา ตกแต่งด้วยชุดผ้าไทยประยุกต์ อาทิ ชุดผ้าบาติก ชุดช้าง ชุดมวยไทย ชุด LGBTQ+ ชุดลอยกระทง โดยให้ ตุ๊กตาหมีในชุดไทยเป็นตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมของไทยและยังประทานให้กับผู้ร่วมงานด้วย
จากนั้น ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯได้เยี่ยมชมคูหาประเทศไทย ที่ปีนี้นำเสนอภายใต้แนวคิด “Ignite Thailand: Soft Power&Sustainability” เพื่อส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่า และความหมายแก่นักท่องเที่ยว มีผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้าร่วม 42 ราย ประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ต บริษัทนำเที่ยว สายการบิน เพื่อเผยแพร่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย สำหรับการตกแต่งคูหาประเทศไทย ททท.นำเสนอ “เสน่ห์ไทย” หรือซอฟต์พาวเวอร์ผ้าไทยและงานฝีมือ ใช้ลวดลายของผ้าไทยและเฉดสีของผืนผ้าที่มาจากธรรมชาติ รวมทั้งงานคราฟต์ จักสานจากภูมิภาคต่างๆ ภายใต้ แนวคิด Thai Craft Destination Showcase โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์ผ้าทอทำมือ ทั้งผ้าย้อมคราม ผ้าทอตีนจก ผ้าหม้อห้อม ผ้าขาวม้า จาก 6 จังหวัดเมืองน่าเที่ยว ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง แพร่ สุโขทัย สกลนคร เลย นอกจากนี้ยังนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว 5 Routes Ignite Thai Craft ได้แก่ สงขลา ปัตตานี เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น และ กรุงเทพฯ เชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยวเชิงประสบ การณ์ด้วยเรื่องราวและสีสันของผ้าไทย
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่