วันที่ 28 กรกฎาคม เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว

“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” พระปฐมบรมราชโองการของ “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2562 สะท้อนชัดเจนถึงพระราชปณิธานและความตั้งใจอันแน่วแน่ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแนวพระราชดำริต่างๆของ “พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” และ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”

การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นับเป็นอีกหนึ่งพระราชกรณีกิจ...

“...ให้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี โดยใช้รูปแบบในการฟื้นฟูเช่นเดียวกับการดำเนินงานโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี และโครงการฟื้นฟูที่ดินเสื่อม โทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดราชบุรี...”

พระราชดำรัส พระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย เดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2540 สืบต่อด้วยพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระ นางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช ชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2555 ความว่า

“...ช้างเป็นสัตว์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ทรงรัก ทรงห่วงใย โดยเฉพาะช้างทางกุยบุรีและแก่งกระจาน ทรงห่วงใยมาตลอด ทรงช่วยหาที่อยู่ที่กินให้ช้างจะได้ไม่รบกวนคน

คนกับช้างจะได้มีปัญหากันน้อยที่สุด เช่น ที่กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ช้างมีความสำคัญมาแต่ครั้งประวัติศาสตร์ เคยช่วยรักษาบ้านเมืองกู้บ้านกู้เมือง ดังนั้นขอให้ช่วยกันดูแลมิให้ช้างถูกฆ่าอย่างทารุณเยี่ยงนี้ เพื่อจะได้ไม่ผิดพระราชประสงค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะให้มีการอนุรักษ์ช้างให้เป็นสัตว์คู่แผ่นดินสืบไป...”

นับเป็นจุดเริ่มต้นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีต่อ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในอันที่จะสืบสานรักษา ต่อยอดแนวพระราชดำริของทั้ง 2 พระองค์ ในการแก้ปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่า รวมทั้งการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก

โดยทรงรับโครงการการอนุรักษ์ช้างป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยพระราชทานชื่อโครงการว่า “โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์” และทรงรับเป็นองค์ประธานที่ปรึกษาโครงการ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นองค์ประธานกรรมการโครงการ เพื่อดำเนินงานแก้ไขปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่า ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างเกื้อกูล
และจากพระราชปณิธานสืบสาน รักษา และต่อยอดงานในพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระ บรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ยังทรงพระราชทานแนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับ “คน” และ “ป่า” เพื่อสืบต่อแนวพระราชดำริในการที่จะรักษาความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้อย่างยั่งยืน และจะต้องทำให้คนในชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับป่าและช่วยกันดูแลรักษาป่าให้ดำรงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้ตลอดไป

โดยทรงมีพระบรม ราชโองการแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการพัฒนาชุมชนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2562 เพื่อช่วยพัฒนาให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสมดุลและต่อมา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ในฐานะทรงเป็นองค์ประธานคณะกรรมการโครงการพัฒนาชุมชนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ จ.กาญจนบุรี ได้ทรงประชุมวางแผนการดำเนินงานเป็นระยะ และเสด็จลงพื้นที่เพื่อทรงช่วยร่วมปฏิบัติงานในหลายๆเรื่องด้วยพระองค์เอง ซึ่งทำให้ผู้ปฏิบัติงานในทุกระดับได้รับทราบถึงแนวทางตามพระราโชบายในพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ในการที่จะทำให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้ ภายใต้กฎระเบียบ กฎหมายของหน่วยงาน และความเป็นพื้นที่ของมรดกโลกที่ต้องอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจากการทำงานในด้านต่างๆ ส่งผลให้ประชาชนในชุมชนมีรายได้จากการทำเกษตรที่ไม่ต้องใช้พื้นที่มากแต่สามารถทำรายได้ให้กับชุมชน ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกับป่าและรักษาผืนป่าที่ควรค่าแก่การบันทึกไว้เพื่อเป็นแนวทางต่อยอด และขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. กล่าวว่า นับเป็นความปลาบปลื้มปีติต่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของ ทส.ที่องค์พระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทยทรงมีความห่วงใยต่องานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า ตลอดจนการส่งเสริมให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน

และ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2565 ยังมีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย โดยในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จัดกิจกรรมทางศาสนาตลอดจนจัดการแสดงทางวัฒนธรรมมหกรรม “นาฏะ ดนตรี คีตการ เฉลิมพระเกียรติฯ” ระหว่างวันที่ 27-30 ก.ค.2565 ที่โรงละครแห่งชาติ ขณะที่สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย จัดโครงการ OCAC เราทำความดีด้วยหัวใจ กิจกรรมจิตอาสา “เติมสีสร้างสรรค์ ส่งต่อเพื่อน้อง” ที่หอศิลป์ถิ่นนาวี โรงเรียนสัตหีบ จ.ชลบุรี วันที่ 25-26 ก.ค.นี้ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการทำความดี ด้วยหัวใจ ด้วยการใช้ศิลปะเป็นสะพาน...

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.

ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม