ลงในราชกิจจามีผลบังคับแล้ว หลบเลี่ยงตั้งแต่‘10ล้าน-ต่อปี’ ‘ตบตา’ขอคืนปีละ‘2ล้าน-ขึ้นไป’
ราชกิจจานุเบกษาประกาศใช้แล้ว พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พวกโกงภาษีมีหนาว กำหนดโทษเข้ม หลีกเลี่ยงฉ้อโกงภาษี 10 ล้านต่อปีภาษีขึ้นไป-ขอคืนภาษีเท็จตั้งแต่ 2 ล้าน-สร้างธุรกรรมเท็จ ปกปิดเงินได้พึงประเมินและทรัพย์สิน เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน “วัฒนา” จวกซ้ำ คสช.โยนบาปนายใหญ่ เลี้ยงไข้ความขัดแย้งเพื่อต่อท่ออำนาจ เหน็บพวก “ลืมล้างเท้าก่อนขึ้นธรรมาสน์” ไล่กวาดบ้านตัวเองก่อนไปสั่งสอนคนอื่น “เรืองไกร” ย้อนเกล็ดเอาคืนยื่นสอบ “วิษณุ” เสียภาษีตลอด 9 ปี ครบถ้วนหรือไม่ ไล่เช็กค่าใช้จ่ายส่งลูกเรียนต่อ ป.โท-เอกที่สหรัฐฯ ด้าน “เนติบริกร” ยันทุกอย่างถูกต้อง พร้อมร่วมมือสรรพากรเรียกตรวจสอบ “ปานเทพ” รับงานหินสู้กับกลุ่มทุนพลังงาน ไม่ยอมแพ้รวมพลสู้คดีหน้าศาลแพ่ง สับผู้มีอำนาจคืนความสุขกลุ่มทุนผูกขาด มากกว่าคนไทยทั้งประเทศ
อุณหภูมิทางการเมืองร้อนระอุขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดศึกวิวาทะกับฝ่ายรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุถูกป้ายสีให้เป็นแพะรับบาปในหลายเหตุการณ์ร้ายแรง และจ้องเล่นงานทางคดีต่างๆ ล่าสุด นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ขอยื่นตรวจสอบการเสียภาษีของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มือกฎหมายของรัฐบาล เพื่อให้เป็นบรรทัด ฐานเดียวกัน
“วัฒนา” อัดซ้ำ คสช.โยนบาป “ทักษิณ”
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ลืมล้างเท้าก่อนขึ้นธรรมาสน์” โพสต์ล่าสุดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดถึงรัฐบาล คสช.ว่าชอบใส่ร้ายป้ายสีท่านว่าอยู่เบื้องหลังเหตุร้าย เช่น เหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม หัวหิน และหลายจังหวัดภาคใต้ หรือการจับกุมอาวุธของโกตี๋ที่มีข้อพิรุธมากมายจนหลายคนคิดว่าเป็นการจัดฉาก เช่น ป้ายผ้าสีแดงใหม่เอี่ยมทั้งที่โกตี๋หลบหนีไปกว่าสามปีแล้ว ระบุคลื่นวิทยุผิด ส่วนกระสุนปืนขนาด 7.62 ที่ยึดได้ 235 นัด คือกระสุนปืน ปลยบ. 88 ที่กองทัพใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2488 หากจะเอามาใช้ก่อการร้ายก็คงตายมากกว่ารอดเพราะมีแต่กระสุนหาปืนไม่ได้ สำหรับโกตี๋ที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศมีคนบอกว่าไปขายก๋วยเตี๋ยวเลี้ยงชีพ แต่กลับถูกอุปโลกน์ให้เป็นคนสำคัญถึงขนาดจะลอบสังหารท่านผู้นำและเป็นขบวนการล้มเจ้าเพื่อจะโยงนายทักษิณเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ปที่กรมสรรพากรในรัฐบาลนี้ เห็นว่าเรียกเก็บไม่ได้ ทั้งหมดคือการสร้างความขัดแย้ง โดยเอาท่านมารับบาป เพื่อจะอยู่ในอำนาจต่อไป
...
จวกพวกมือถือสากปากถือศีล
นายวัฒนาระบุว่า โพสต์ของนายทักษิณจึงกล่าวหารัฐบาล คสช. แต่กลับมีหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของพรรคการเมืองหนึ่งออกมาตอบโต้แทนด้วยถ้อยคำหยาบคาย คงกลัวประชาชนจะลืมว่าพรรคใดอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ ส่วนการที่นายทักษิณยังเรียกร้องให้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองบนหลักนิติธรรม อย่าเลี้ยงไข้ความขัดแย้งและไม่ต้องเอาท่านมาเป็นเงื่อนไขการปรองดองนั้น หากรัฐบาลมีสติจะต้องขอบคุณนายทักษิณ แต่หัวหน้า คสช. รมว. มหาดไทย และโฆษก คสช. กลับพากันออกมาสั่งสอนแต่ไม่ได้ตอบว่าเพราะอะไรจึงไปใส่ร้ายป้ายสีและกลั่นแกล้งท่าน ตามกฎหมายถือว่าการไม่ปฏิเสธเท่ากับยอมรับ ส่วนคำแนะนำของทั้งนายและบ่าวที่เรียกร้องให้ท่านเคารพกฎหมายและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น ตรงกับคำไทยว่า “ลืมล้างเท้าก่อนขึ้นธรรมาสน์” แปลว่าลืมทำตัวให้สะอาดก่อนไปสั่งสอนคนอื่น เพราะ คสช.ต่างหากที่ไม่เคารพกฎหมายและไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยึดอำนาจโดยใช้กำลังอาวุธ ซึ่งเป็นความผิดฐานกบฏ แต่นิรโทษกรรมตัวเองและพรรคพวก จากนั้นบริหารประเทศต่อแต่ไม่ยอมรับผิดชอบ เพราะมีมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญล้างผิดให้ พฤติกรรมดังกล่าวยังตรงกับสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า “กวาดบ้านตัวเองก่อน” หรือ “มือถือสากปากถือศีล” ชอบแบบไหนก็เลือกเอา
“ปึ้ง” ซัดคนเสพติดอำนาจผสมโรงขย่ม
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ประเทศเราไปไม่ถึงไหน เพราะมีคนจำพวกจิตใจคับแคบ เล่นการเมืองคิดเอาแต่ได้ ทำลายล้าง ให้ร้ายป้ายสี ชอบพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น น่าจะหยุดกันได้แล้ว วันนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาพูดชัดเจนว่าท่านหยุดแล้ว อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ทำกับท่านมามากพอแล้ว ขอให้หยุดกันได้แล้ว หันมาช่วยกันดูแลประชาชน ประชาชนเดือดร้อนลำบาก มาแก้ปัญหาปากท้อง คนส่วนใหญ่หาเช้าไม่พอกินค่ำ นายทักษิณอยากเห็นประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีความสุข อยู่ดีกินดี จึงให้ข้อคิดในทางสร้างสรรค์ และขอร้องว่าอย่าตีความกันไปในแง่มุมต่างๆนานา ฉลาดปราด– เปรื่องกันขึ้นมาทันที กล่าวหานายทักษิณโดยใช้วิธีการเดิมๆ แล้วแบบนี้เมื่อไร เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ความปรองดองสมานฉันท์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร พวกที่อยากอยู่ในตำแหน่งอยู่ในอำนาจนานๆ ฉกฉวยโอกาสขย่มต่อ พวกที่อยากจะชนะเลือกตั้งจะคอยตีกินไป ถ้าคิดได้แค่นี้ขอให้อยู่กันต่อไป ถือเป็นวิบากกรรมของบ้านเมือง เพราะแบบนี้ไม่มีทางแก้ปัญหาสำเร็จได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อยู่ต่อไปนานๆเลย
“เรืองไกร” สงสัย “วิษณุ” เสียภาษีครบไหม
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการติดตามเรื่องการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯระบุว่า ทุกคนมีหน้าที่เสียภาษี จึงสนใจว่านายวิษณุ เสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ นายวิษณุเคยเป็นรองนายกฯ สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีประวัติการยื่นบัญชีทรัพย์สิน 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี 48-57 เปรียบ เทียบแล้วตลอดเวลา 9 ปี มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 87.5 ล้านบาทเฉลี่ยปีละ 9.7 ล้านบาท แต่ครั้งล่าสุดที่นายวิษณุแสดงบัญชี เมื่อวันที่ 4 ก.ย.57 นายวิษณุและคู่สมรสมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวม 3 ล้านบาท ตัวเลขจึงไม่สัมพันธ์กับรายได้ก่อนหน้านี้ มีเหตุอันควรสงสัยว่าการยื่นแบบเสียภาษีตลอด 9 ปี ครบถ้วนหรือไม่อย่างไร
ขอเช็กค่าใช้จ่ายส่งลูกเรียนนอก
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า อีกทั้งระหว่างปี 49-50 นายวิษณุส่งลูกเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา เคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาจากนายทักษิณ กำลังขอดูข้อมูลดังกล่าวอยู่ ถ้าทราบยอดรายจ่ายที่ใช้ไปในแต่ละปีเกี่ยวกับการส่งลูกเรียนต่อ อาจต้องนำมาบวกกลับเพื่อคำนวณหารายได้ที่เพิ่มขึ้นอีก และนำมาเปรียบเทียบกับยอด การเสียภาษี จากการตรวจสอบเปรียบเทียบดังกล่าว จึงขอให้นายวิษณุเป็นผู้เปิดเผยประวัติการเสียภาษีที่ผ่านมาตลอดเวลา 9 ปี และค่าใช้จ่ายในการส่งลูกเรียนที่อเมริกาว่ามีจำนวนเท่าใด โอนผ่านธนาคารใด หวังว่านายวิษณุจะนำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน และตนจะวิเคราะห์เรื่องภาษีต่อไป ถ้าพบว่ามีเหตุอันควรสงสัยที่ควรตรวจสอบ จะทำเรื่องไปร้องยังกรมสรรพากรเพื่อประเมินภาษีอีกครั้งหนึ่ง แต่หากนายวิษณุได้ยื่นภาษีไว้ถูกต้องแล้ว จะใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบนักการเมืองที่อาจยื่นไม่ถูกต้อง ต่อไป โดยจะไปยื่นหนังสือถึงนายวิษณุ ที่ศูนย์บริการประชาชน บริเวณสำนักงาน ก.พ. ในวันที่ 3 เม.ย. เวลา 10.00 น.
“เนติบริกร” ท้าพร้อมให้สรรพากรสอบ
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ขอให้เปิดเผยการยื่นภาษีช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรายละเอียดการส่งลูกเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา ว่า ไม่มีปัญหาอะไร ถ้ากรมสรรพากรเรียกตรวจสอบการยื่นภาษีช่วงที่ผ่านมา ตนก็ยินดี พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ ยืนยันที่ผ่านมาเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และที่นายเรืองไกรขอให้เปิดข้อมูลนั้น มองว่าไม่จำเป็น นายเรืองไกรเป็นบุคคลธรรมดา ไม่ใช่หน่วยงานราชการ
“องอาจ” ขอปฏิรูปก่อนเลือกตั้งท้องถิ่น
ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. ระบุว่า อาจจะให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปว่า สิ่งที่ควรดำเนินการก่อนที่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นคือ การปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพียงแค่คิดว่าจะเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนเลือกตั้งทั่วไปหรือเลือกตั้งใหญ่เท่านั้น รัฐบาลควรปฏิรูปท้องถิ่น คือ 1.ปฏิรูปให้กลไกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่นต้องเป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม มีวิธีการป้องกันการเข้าสู่อำนาจท้องถิ่นด้วยวิธีการฉ้อฉลทุกรูปแบบ 2.ปฏิรูปให้การทำงานโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ 3.ปฏิรูปให้เกิดกลไกที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองท้องถิ่นอย่างแท้จริง 4.ปฏิรูปให้เกิดการปรับโครงสร้างอำนาจหน้าที่ ความสัมพันธ์ระหว่างราชการส่วนกลาง ส่วน ภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้เหมาะสม และ 5. ปฏิรูปเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง หรือเกิดการทับซ้อนในภารกิจหน้าที่ของการปกครองรูปแบบต่างๆกับท้องถิ่น
ยกนิ้ว ป.ป.ท.ฟัน ขรก.เอี่ยวโกงข้าว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องร่วมกันชื่นชมและให้กำลังใจ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ลงนามให้ส่วนราชการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนในคดีทุจริตคดีรับจำนำข้าว 302 รายชื่อ และยังมีส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างไต่สวนเพิ่มเติมจากยอด 986 สำนวนคดี การขยายผลของ ป.ป.ท. ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงของโครงการรับจำนำข้าวคือการทุจริต ยังมีคดีการทุจริตการระบายข้าวจีทูจีรอบสอง การระบายข้าวถุง การรับจำนำและระบายมันสำปะหลังแบบจีทูจีเก๊ รอการชี้มูลของ ป.ป.ช.อยู่ ล่าสุดตัวเลขความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ยอดรับซื้อข้าวเปลือก 54.4 ล้านตัน รัฐบาลจ่ายเงินซื้อข้าวเปลือก 8.84 แสนล้านบาท แต่ใช้เงินรวมค่าบริหารและดอกเบี้ยไปทั้งหมด 9.68 แสนล้านบาท หักลบยอดที่ขายข้าวได้ รวมทั้งข้าวที่เหลือและคาดว่าจะขายได้ 3.47 แสนล้านบาท รวมยอดขาดทุน 6.21 แสนล้านบาท เท่ากับว่าคนไทยทุกคนจะแบกรับหนี้คนละ 9,562 บาท แปลกไหม ทำไมพรรคเพื่อไทยจึงรักโครงการรับจำนำข้าว แม้ข้อมูลต่างๆจะออกมา แต่พรรคเพื่อไทยยังตะแบง ชนิดคิดว่าคนไทยตามไม่ทัน
ปชช.ห่วงภาษีชินคอร์ปชนวนขัดแย้ง
วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,134 คน ระหว่างวันที่ 28 มี.ค.-1 เม.ย. เรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองที่มีผลกระทบต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยข่าวหรือเหตุการณ์ที่ประชาชนสนใจติดตามมากที่สุด ร้อยละ 71.43 คือ ข่าวเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป 17,629 ล้านบาท ร้อยละ 69.84 กสท.สั่งปิดวอยซ์ทีวี 7 วัน และร้อยละ 68.25 หม่อมอุ๋ย แฉ 6 อดีตบิ๊กทหาร ดันตั้งบรรษัทน้ำมัน และร้อยละ 54.40 บิ๊กป้อมแย้มอยากคืนเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน ส่วนข่าวหรือเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลมากที่สุด ร้อยละ 81.75 เก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป เพราะอาจทำให้เกิดความขัดแย้ง ถูกมองว่ารัฐบาลใช้อำนาจจัดการกับฝ่ายตรงข้าม ร้อยละ 76.98 หม่อมอุ๋ย แฉ 6 อดีตบิ๊กทหารดันตั้งบรรษัทน้ำมัน เพราะเป็นข่าวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ อาจมีการทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 61.38 กสท.สั่งปิดวอยซ์ทีวี 7 วัน เพราะถูกมองว่าใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ และร้อยละ 58.47 บิ๊กป้อมแย้มอยากคืนเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน เพราะรัฐบาลอาจต้องการแก้ปัญหาฐานเสียงระดับท้องถิ่น
ไม่แน่ใจรัฐรีดภาษีเข้าคลังได้
เมื่อถามว่า คิดว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาเหตุการณ์ต่างๆได้หรือไม่ กรณีเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป ร้อยละ 44.18 ระบุไม่แน่ใจ ร้อยละ 28.04 แก้ได้ ออกหมายเรียกเก็บภาษีได้ทันเวลาสิ้นสุดคดีความ และร้อยละ 27.78 แก้ไม่ได้ ไม่น่าจะจัดเก็บภาษีได้ ที่ผ่านมาไม่สามารถเรียกเก็บภาษีย้อนหลังได้ กรณีหม่อมอุ๋ย แฉ 6 อดีตบิ๊กทหาร ร้อยละ 39.95 ไม่แน่ใจ เพราะยังไม่มีร่าง พ.ร.บ.ชัดเจน ร้อยละ 34.39 แก้ได้ รัฐบาลใช้อำนาจสั่งการ จัดการกับผู้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง มีร้อยละ 25.66 ระบุแก้ไม่ได้ กระทบภาพลักษณ์รัฐบาล มีเรื่องอำนาจผลประโยชน์ทับซ้อน
“ปานเทพ” รับโหดหินสู้กลุ่มทุนพลังงาน
อีกเรื่อง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) กล่าวถึงการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมว่า การต่อสู้ครั้งนี้ยากยิ่งกว่าการต่อสู้กับนักการเมืองหรือทหารกลุ่มใด เพราะผลประโยชน์ของกลุ่มทุนพลังงานมากมายขนาดนี้ มีคนได้ประโยชน์อย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่สื่อมวลชนจำนวนมากที่พร้อมใจกันแสดงความอัปยศที่สุดในประวัติการณ์ รับงานและเขียนเชลียร์อย่างไร้ยางอาย ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ที่รับรู้ได้เพราะตนก็ทำงานสื่อมวลชนรับรู้เรื่องราวของคนในวงการอย่างดีว่าเป็นอย่างไร และแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันอย่างไร เข้าใจว่าการทำธุรกิจสื่อยุคนี้ยากลำบากมาก แต่แค่สงสัยว่าจิตวิญญาณของคนที่มีสำนึกในวิชาชีพสื่อมวลชนในองค์กรนั้นๆ ทนได้อย่างไรที่ปล่อยให้คนองค์กรตัวเอง ไม่ได้เพียงขายพื้นที่หรือเวลาเพื่อแลกกับโฆษณา แต่กลับขายจิตวิญญาณและอุดมการณ์ความเป็นสื่อมวลชนจนถึงขั้นยอมทำลายอนาคตของชาติเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
ไม่ยอมแพ้นัดรวมพลังหน้าศาลแพ่ง
นายปานเทพ กล่าวและว่า ตนตระหนักดีว่า การต่อสู้เรื่องผลประโยชน์ต่อประเทศชาติจำเป็นที่ต้องมีผู้เสียสละ และการต่อสู้คดีนั้นก็ไม่พ้นการถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาจากผู้มีอำนาจที่เกรงใจกลุ่มทุนพลังงานมากกว่าเกรงใจประชาชน และที่หนักไปกว่านั้นคือ พร้อมคืนความสุขให้กลุ่มทุนพลังงานผูกขาดมากกว่าที่จะคืนความสุขให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ สำหรับการรับผลทางคดีทั้งความแพ่งและอาญานั้น ที่ปรึกษากฎหมายและทีมทนายทั้งหมดของพวกตนเห็นควรให้ตนและคณะต่อสู้คดีถึงที่สุด เพราะเห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นกับผู้ที่ต่อสู้เพื่อประโยชน์ของชาติ อย่างน้อยในระหว่างรอผลคดี ตนยังมีเวลาใช้สิทธิรักษาผลประโยชน์ของชาติต่อไปได้ “พวกผมยังไม่ยอมแพ้ และจะเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าผลเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็ไม่เสียชาติเกิดขอบคุณประชาชนทุกท่านที่ไปร่วมกิจกรรมกับผมและ คปพ. แล้วพบกันวันที่ 3 เม.ย. ที่ศาลแพ่งเวลา 09.00 น.”
“วัชระ” ไปแน่เข้าค่ายทหารพบ มทภ.1
วันเดียวกัน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า จะไปตามนัด พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ให้ไปเข้าพบที่ บก.กองทัพภาคที่ 1 ในวันที่ 3 เม.ย. เวลา 10.30 น. จะไปตรงเวลาที่ท่านให้เกียรติเชิญผู้แทนนอกสภาให้ไปพบแน่นอน
นายวัชระเปิดเผยว่า พล.ท.อภิรัชต์ได้ให้นายทหารยศร้อยเอกมานัดหมายตนที่บ้านพักย่านหนองแขม ได้ตอบรับนัดไป แต่ยังไม่รู้ว่าเรียกไปทำไม แต่ได้ขออนุญาตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้วเตรียมปัญหาทุกข์ยากไปบอกโดยตรงอีกด้วย ยังงงอยู่ว่าเรียกไปพบทำไม ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องการเมือง การแก้ไขปัญหาหวยแพง หรือเรื่องอื่น ทั้งที่ ส.ส.ทั้งสภา มีตั้ง 500 คน พรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส.160 คน แล้วทำไมมาเรียกแค่นายวัชระคนเดียว แต่ยืนยันไม่มีทางกลัวหรือหวาดหวั่น
“วิลาศ” กัดติดปลดผู้ว่าการ กปภ.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ว่า หลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือโต้แย้งไปถึงบอร์ดการประปาส่วนภูมิภาคถึง 3 ครั้งว่าคุณสมบัติของผู้ว่าการ กปภ.ไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์คุณสมบัติ จึงให้บอร์ดสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง แต่ไม่ทราบว่านายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะประธานกรรมการ กปภ.กลัวจะทำพลาดหรือไม่ จึงยังไม่มีคำสั่งใดออกมา ขนาด สตง.ยังไม่เชื่อไม่รู้ไปเชื่อเทวดาที่ไหน สตง.ท้วงไป 3 ครั้งหรือจะให้ต้องถึง 5 ครั้งเหมือนคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ ทำเหมือนจะถ่วงเวลา แต่มั่นใจไม่รอดแน่นอน
จี้โละ ปธ.บอร์ด บขส.เพื่อน วปอ.“บิ๊กตู่”
นายวิลาศยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ยืนยันหากมีใครไปอ้างว่าเป็นเพื่อนหรือคนสนิท ไปเรียกรับเงินข่มขู่คนอื่นให้แจ้งมาแล้วจะลงโทษให้ ว่า การแต่งตั้งประธานบอร์ดต่างๆ มีทั้งเพื่อนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 ทุกคนรู้ไม่มีใครอยากยุ่ง เช่นการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) กว่า 2 ปี ยังไม่สามารถสรรหาได้ถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2558 ขณะนี้อยู่ระหว่างสรรหาครั้งที่ 4 จึงเห็นความผิดปกติ มีการลดคุณสมบัติผู้สรรหา ระบุว่าคนที่ได้รับการแต่งตั้งต้องได้รับคะแนนประเมินจากคณะกรรมการสรรหาร้อยละ 80 เชื่อว่าเอื้อให้นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล ผอ.สถาบันไทย-เยอรมัน ได้รับตำแหน่งหรือไม่ และเคยมีกรรมการสรรหาลาออกถึง 2 คนไม่ทราบเหตุผล ภายในรู้กันอยู่แล้วว่าล็อกตัวใครอยู่ ยังพยายามขจัดกรรมการที่ทักท้วง เพื่อเปิดทางสะดวก ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนตัวประธานบอร์ด บขส.คือนายอนุสรณ์ แสง–นิ่มนวล เพื่อน วปอ.ของนายกฯ ถ้าปล่อยให้สรรหาผิดขั้นตอนไปเช่นเดิม ไม่มีทางจบ เชื่อว่าการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติผู้รับการสรรหา ประธานบอร์ดย่อมมีส่วนรู้เห็นเป็นใจหรือไม่
สั่ง มท.เยียวยาสอบโรงเรียน นอภ.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหนังสือถึงนายกฯ ให้เยียวยา 20 ข้าราชการที่มาเป็นพยานให้ ป.ป.ช. ในคดีทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ แต่ถูกกรมการปกครองไล่ออกในภายหลังว่า บุคคลที่มาเป็นพยานให้ ป.ป.ช.ไม่ได้ถูกไล่ออกจากราชการเพียงแต่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการสอบ ตามความเห็นของกฤษฎีกา ที่ระบุสามารถยกเลิกการสอบครั้งดังกล่าวทั้งหมดได้ อีกทั้งพยานทั้ง 20 คนอาจเข้าสอบโรงเรียนนายอำเภอไม่ได้อีกเพราะเงื่อนไขเรื่องอายุ เรื่องนี้ตนได้หารือกับ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.แล้ว โดยมาตรการเยียวยาจะให้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครอง ดูข้อกฎหมายว่าจะสามารถเยียวยาบุคคลที่เป็นพยานให้กับ ป.ป.ช.ได้หรือไม่
รัฐดีเดย์ลงทะเบียนคนจนรอบ 2
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 3 เม.ย.รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐรอบที่ 2 เป็นวันแรก จะทำไปจนถึงวันที่ 15 พ.ค. เพื่อให้ภาครัฐมีข้อมูลปัจจุบันและจัดสวัสดิการได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ปีที่แล้วมีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 8,375,383 ราย เป็นผู้มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 1,500 บาท และ 3,000 บาท จำนวน 7,715,359 ราย มีการโอนเงินไปแล้วคิดเป็นร้อยละ 97.5 ส่วนที่เหลือเนื่องจากไม่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ไม่ไปติดต่อกับธนาคาร นายกฯให้ความสำคัญกับโครงการนี้ เพราะเป็นช่องทางช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยตรง จึงฝากเชิญชวนให้ผู้มีคุณสมบัติไปลงทะเบียนได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทุกสาขา สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานเขตใน กทม. เพื่อรับบัตรประจำตัวผู้มีรายได้น้อย หลังลงทะเบียนตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ www.epayment.go.th หรือที่ทำการกำนันผู้ใหญ่บ้าน หากไม่มีชื่อให้ไปติดต่อกับหน่วยงานที่ลงทะเบียนไว้ และรอรับบัตรสวัสดิการที่กระทรวงการคลังจะดำเนินการให้ต่อไป
องค์การอนามัยโลกหนุนเพิ่มงบฯ สสส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดประชาพิจารณ์ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 31 มี.ค.และจะจัดขึ้นครั้งที่ 2 วันที่ 3 เม.ย. องค์การอนามัยโลก โดยนายแดเนียล เอ.เคอร์แทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึง สธ. ระบุว่า สสส.และโครงการอื่นที่คล้ายกันทั่วโลก ประสบความสำเร็จ เพราะยืนหยัดอยู่บนหลักพื้นฐานที่ชัดเจน และพิสูจน์แล้วว่าได้ผล หนึ่งในนั้นคือความเป็นอิสระในการตัดสินใจ ทั้งการเงิน การดำเนินการ และนโยบาย ทั้งนี้ ไทยใช้งบด้านสุขภาพประมาณร้อยละ 10 ในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของโลกและน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศพัฒนาและกำลังพัฒนาบางประเทศมาก ดังนั้นไทยต้องใช้จ่ายด้านนี้มากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง องค์การอนามัยโลกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ร่วมงานกับสสส.อย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนหลักการต่างๆที่เป็นหัวใจแห่งประสิทธิภาพและประสิทธิผลของสสส. คือความเป็นอิสระในการทำงานที่หลากหลายรอบด้าน และความเพียงพอและมั่นคงด้านการเงินในระยะยาวในการดำเนินกิจกรรมเพื่อพัฒนาสุขภาพของประชาชนไทย
เลี่ยงภาษี 10 ล้านผิดฐานฟอกเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงดึกวันที่ 1 เม.ย.เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 45) พ.ศ.2560 โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร เทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 37 ตรี ในส่วน 3 บทกำหนดโทษ ความว่า “มาตรา 37 ตรี ความผิดตามมาตรา 37 มาตรา 37 ทวิ หรือมาตรา 90/4 ที่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร และเป็นความผิดที่เกี่ยวกับจำนวนภาษีอากรที่หลีกเลี่ยงฉ้อโกง ตั้งแต่ 10 ล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป หรือจำนวนภาษีอากรที่ขอคืนโดยความเท็จ ตั้งแต่ 2 ล้านบาทต่อปีภาษีขึ้นไป และผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรได้กระทำในลักษณะที่เป็นกระบวนการสร้างธุรกรรมอันเป็นเท็จ ปกปิดเงินได้พึงประเมิน เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และมีพฤติกรรมปกปิดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อมิให้ติดตามทรัพย์สินนั้นได้ ให้ถือว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงิน เมื่ออธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองความผิดทางภาษีอากรที่เข้าข่ายความผิดมูลฐาน ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแล้ว ให้ดำเนินการตามกฎหมาย” ให้มีผลตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้รับ สนองพระราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี