แปรความเศร้า เสียใจ น้ำตาให้เป็นพลังเพื่อร่วมกันสร้างชาติ อยู่กันด้วย
ความร่มเย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืน ด้วยสิ่งที่ “พ่อของแผ่นดิน” ได้ปูทางสร้างมาด้วยความเสียสละ อดทน และเสียสละ
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ต้องแปรความเสียใจและน้ำตาให้เป็นพลังงานแห่งความสมานสามัคคีเพื่อจะได้ร่วมกันสืบสานปณิธานของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่จากไปแล้ว
ซึ่งพระองค์ท่านเป็นทั้งผู้สร้าง ผู้ให้ อย่างแท้จริง
“รู้รักสามัคคี” คือแก่นหลักสำคัญที่ท่านได้ย้ำเตือนอยู่เสมอเมื่อรับรู้ว่าเกิดปัญหาความขัดแย้ง ด้วยความเมตตาจึงทรงให้คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นพระมหากษัตริย์ที่เปลี่ยนผ่านรัฐบาลมาหลายชุด
นายกรัฐมนตรี 26 คน จาก 29 คนของประเทศนี้ต้องเข้าเฝ้าก่อนปฏิบัติหน้าที่
เพราะพระองค์ทรงครองราชย์มายาวนานนับ 70 ปี มากกว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ของประเทศต่างๆ
ความดี ความงาม ความเสียสละ อดทนเพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยมาอย่างต่อเนื่องที่พิสูจน์แล้วว่า
“พระองค์คือผู้เสียสละ ที่หาได้ยากยิ่ง”
การที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคตจากไปแล้วย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของบ้านนี้เมืองนี้ พสกนิกรทุกคนจึงแสดงออกด้วยความเสียใจ อาลัยรัก
แม้แต่ชาวต่างประเทศเมื่อได้รู้จัก ได้ทราบถึงสิ่งที่ได้ทำให้กับคนไทยต่างก็มีความรู้สึกอิจฉาคนไทยด้วยซ้ำไป
หรือแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่พระองค์ท่านทรงคิดและต้องการให้ยึดถือเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศล้วนได้รับการยกย่องและน้อมรับจากนานาชาติเพราะความลึกซึ้งสามารถนำไปปฏิบัติอีกด้วย
นี่คงเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน
...
ด้วยความที่พระองค์ท่านทรงศึกษาถึงแก่นแท้แทบจะทุกเรื่อง จึงนำความคิดต่างๆนำมาปรับปรุงแก้ไขปัญหาให้คนไทย โดยเฉพาะเรื่องน้ำ เรื่องป่า การศึกษา การปกครอง เป็นต้น
แต่ละเรื่องล้วนก่อประโยชน์ให้ประเทศไทยและคนไทย เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เกิดความคิดด้านวิทยาการที่นำมาปรุงแต่งจนเป็นแบบอย่างที่ถ่ายทอดมาจนถึงคนรุ่นใหม่
พระองค์ท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ก็ให้แง่คิดให้สติเตือนใจ ไม่ต่างกับ “พ่อ” ที่เป็นห่วงเป็นใยเอาใจใส่
ไม่สอนตรงๆแต่ก็บอกผ่านทางอ้อม
ไม่ว่ากรณีเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ เหตุการณ์พฤษภา 2535 พระองค์ก็ทรงปัดเป่าจนทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี
รัฐบาลจึงต้องรับภาระด้วยการดำเนินการจัดการพระราชพิธีให้ยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ประชาชนทั้งหลายก็ต้องพร้อมใจกัน ร่วมมือร่วมใจกันเพื่อให้การเปลี่ยน ผ่านไปด้วยความราบรื่น
ดีที่สุดปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านมา และยังถึงจุดจบเสียทีก็ควรจะใช้โอกาสนี้ตั้งสติคิดและไตร่ตรองเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงไปให้ได้
นึกถึงคุณความดีและสิ่งที่พระองค์ท่านทำให้กับประเทศ
เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดที่ควรจะน้อมนำไปปฏิบัติเพื่อทำให้สังคมไทย
น่าอยู่ เพราะประชาชนมีความรักสามัคคีอันจะทำให้ประเทศชาติก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงและยั่งยืน
นั่นคือเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็น แก่พวกพ้อง ไม่ทุจริตโกงชาติ โกงแผ่นดิน
ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ หากคิดถึงชาติบ้านเมืองด้วยความจริงใจ
ปฏิบัติตาม “พระองค์ท่าน” เอาไว้เถอะ...ประเทศนี้จะดีขึ้นอย่างแน่นอน!!!
“ลิขิต จงสกุล”