หลังจากมีการปรับ ครม.ชุดใหม่ได้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามารับผิดชอบทีมงานเศรษฐกิจทำงานเคียงข้างกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กลายเป็นคู่หูดูโอที่สอดประสานกันได้เป็นอย่างดี ทำให้ความเชื่อมั่นคืนกลับมาค่อนข้างดีถึงดีมาก

เพียงแต่ต้องรอดูต่อไปว่าแนวนโยบายที่กำหนดเอาไว้นั้นจะบรรลุเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน เวลาอีกไม่นานจากนี้ไปคงได้เห็นกันล่ะ...

แนวคิดในการวางรากฐานของประเทศที่เป็นปัญหามานานแล้ว เพราะการเน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรม การส่งออก แต่ผิวเผินต่อภาคเกษตรกรรม ซึ่งนั่นหมายถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นคนต่างจังหวัดหรือรากหญ้า

ทั้งๆที่เป็นประเด็นสำคัญแต่ไม่เคยมีนโยบายที่เอาจริงเอาจังลงถึงรากจริงๆ

สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯที่ดำเนินนโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า แม้จะประสบความสำเร็จในด้านอุตสาหกรรมมุ่งเน้นการส่งออกจนทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตขึ้นมาอย่างชัดเจน

ราคาที่ดินพุ่งสูงลิ่วกลายเป็นเศรษฐีกันถ้วนหน้า แต่ก็เป็นความเติบโตแบบฟ่ามๆร่ำรวยกันเพียงไม่กี่คน

มีการลงทุนกันอย่างต่อเนื่องและมากมาย เพราะร่ำรวยกันขึ้นมาก็มือเติบใจโตกู้เงินกันเป็นว่าเล่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

พูดง่ายๆกลายเป็นสังคมที่ “เงินเป็นใหญ่” ฟุ้งเฟ้ออวดร่ำอวดรวยกัน

อีกด้านหนึ่งเมื่อเงินทองหาง่าย การควบคุมดูแลไม่มีประสิทธิภาพปล่อยปละละเลยกันจนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา การทุจริตคอร์รัปชันกลายเป็นดอกเห็ด

ที่สุด “ฟองสบู่” ก็มาเยือนประเทศไทยจนเละกันไปหมด

แต่เมื่อไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรมทำให้ความร่ำรวยอยู่ที่คนไม่กี่คน

คนส่วนใหญ่อยู่กับความยากจนได้แต่มองตากันปริบๆ

ตรงนี้หาก พล.อ.ชาติชายคิดให้รอบด้าน วางนโยบายและทิศทางควบขนานกันไป ป่านนี้ไม่รู้ว่าประเทศไทยจะไปถึงไหนแล้ว

...

เมื่อเกิดช่องว่างระหว่างชนบทกับเมือง สิ่งที่ตามมาก็คือความเหลื่อมล้ำ โอกาสของคนจะต่างกันจนเกิดช่องว่างทางสังคมที่ห่างกันมากยิ่งขึ้น

พอมาถึงยุคอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ก็หักมุมไปอีกด้านหนึ่งนั่นคือ มองเห็นความสำคัญของคนชนบทหรือรากหญ้า แต่มองในแง่ที่จะลงไปช่วยเหลือดูแลด้วยนโยบายประชานิยม แจกอย่างเดียว แต่ไม่ได้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนแม้แต่น้อย

เพียงเพื่อหวังว่าจะได้ฐานอำนาจทางการเมืองที่แน่นอนซึ่งก็ได้ผลอย่างที่คิด เนื่องจากนโยบายนี้ได้รับความพึงพอใจ เพราะมีแต่แจกมีแต่แถมใครก็พอใจทั้งนั้นจนติดใจกันงอมแงม

ที่ไม่ต่างกันก็คือทุจริตคอร์รัปชันบานเบอะ

แต่คนส่วนใหญ่ก็พึงพอใจคิดแต่ว่าโกงได้ไม่ว่าขอให้แบ่งกันอันเป็นทัศนคติที่กลายเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ

การที่ ดร.สมคิดมีนโยบายมุ่งเน้นไปที่คนต่างจังหวัดให้ความสำคัญต่อคนส่วนใหญ่ให้เข้ามามีส่วนร่วมทั้งภาครัฐ ประชาชน ภาคธุรกิจจึงเป็นการแก้ปัญหาของประเทศที่ถูกทิศถูกทาง

นั่นก็คือการให้โอกาสเน้นหนักไปที่ต่างจังหวัดเพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างโอกาส และสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวไปทั้งประเทศ

ให้ความสำคัญกับชุมชน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตัวประสานเพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นระบบ มีการให้ความรู้และตรวจสอบอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน

นี่จึงพอจะมองเห็นอนาคตของประเทศที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม.

“สายล่อฟ้า”