ที่ร้อนกว่ากลายเป็นปัจจัยภายนอก

กรณีชาวอุยกูร์ในประเทศตุรกีประท้วงบุกทำลายสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยในกรุงอิสตันบูล จากเหตุประเทศไทยส่งตัวชาวอุยกูร์หลบหนีเข้าเมืองกลับไปยังประเทศจีน

เรื่องทำท่าจะบานปลายไปใหญ่ ไม่เพียงประเทศตุรกี ยูเอ็นเอชซีอาร์ และที่มาตามนัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลไทย

ละเมิดหลักการขั้นพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ประณามการผลักดันผู้ลี้ภัยไปเผชิญอันตราย

ล่าสุด สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงเบอร์ลิน และสถานกงสุลใหญ่ นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี แจ้งเตือนชาวไทยให้ระมัดระวังตัว เพราะชาวอุยกูร์ตุรกี ยื่นขออนุญาตประท้วงใกล้สถานทูตไทย

และอาจขยายเหตุความไม่พอใจสู่ชุมชนตุรกีในประเทศต่างๆในยุโรปได้

ทำท่าจะบานปลายไม่หุบกันแล้ว

ชนิดที่ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรัฐบาล ต้องออกแถลงการณ์ เชื่อว่าเรื่องยังไม่ลุกลามบานปลาย สามารถควบคุมได้ ไม่ถึงขั้นต้องอพยพคนไทยกลับประเทศ

ส่วนกรณีรัฐบาลตุรกีออกแถลงการณ์ประณามไทย คงไม่ตอบโต้อะไร และเข้าใจเหตุผลในฐานะที่เป็นรัฐบาลกับกระแสกดดัน แต่ตุรกีควรขอบคุณเราด้วยซ้ำ ว่าสิ่งที่เราทำให้ส่งผลดีต่อเขาอย่างไร

ไม่สวนตรงๆ เล่นเชิงตอบโต้ในภาษาการทูต

และแน่นอน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ออกมายืนยันว่า ไทยยึดหลักพันธสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีนี้มีทั้งตุรกีและจีนที่ต้องดำเนินการที่เป็นธรรม ที่สำคัญบนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศไทย

ทั้งอุยกูร์-จีน-ตุรกี ต้องแก้ปัญหาร่วมกัน ยืนยันไทยเล่นบท “คนกลาง” อย่างดีที่สุดแล้ว

เอาเป็นว่า “บิ๊กตู่” ต้องหาทางคลายปมร้อนอีกพักใหญ่ ลักษณะเดียวกันกรณีโรฮีนจา

...

จัดการกับขบวนการค้ามนุษย์ ที่ยังล้างไม่หมด

ที่สำคัญคือการทรงตัวให้ดี ท่ามกลางเขาแหลมๆความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ

เกมประลองกำลัง 2 บิ๊กโลก อาจเกี่ยวโยงปมนี้

ที่น่าจะแน่นอน กับเงื่อนไขหน่วยงานองค์กรนานาชาติ ประเทศมหาอำนาจในเรื่องมาตรการการจัดการปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทยที่ยังติดแบล็กลิสต์–โดนใบเหลืองกันอยู่หลายกรณี

โอกาสที่จะ “ปลดล็อก” ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

ที่น่าสนใจ ยังมีกรณีคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองอื่นๆ เช่น ชาวเกาหลีเหนือที่ลอบเข้ามาทางชายแดนทางพื้นที่ภาคเหนือ ใช้ประเทศไทยเป็น “ทางผ่าน”

ทางหนึ่งอาจเพราะไทยเป็นประเทศเสรี คนไทยเป็นมิตร เข้าออกสะดวกโยธิน

ถนนทุกสายดิ่งตรงมาแวะเป็น “จุดพัก”

แต่อีกด้านหนึ่งก็น่าห่วง ประตูที่เปิดอ้าซ่าของประเทศไทยก็ส่งผลกระทบอย่างที่เห็น และมีอีกหลายกรณีเช่นกันที่อาจสะเทือนกับความมั่นคงของประเทศโดยรวม

โดยเฉพาะในเรื่องแหล่งซ่องสุมการก่อเหตุร้าย

เหนืออื่นใด คงไม่มีประเทศใดเปิดฟรีโดยสิ้นเชิง และที่จริงไทยก็มีกฎเกณฑ์กติกาตรงนี้

เพียงแต่ย่อหย่อนให้เข้า–ออกสะดวกได้อย่างไร

จากข้อมูลเส้นทางอพยพ โดยเฉพาะชาวอุยกูร์ที่จับกุมได้หลายร้อยคนในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีทั้งลอบผ่านเข้าทางชายแดนภาคเหนือและชายแดนฝั่งกัมพูชา ก่อนลงสู่ภาคใต้ไปชายแดนประเทศมาเลเซีย

ผ่านด่านตรวจ ไฟเขียวจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆจะไม่รู้ได้อย่างไร
หรือมีเรื่อง “ค่าตั๋ว” ผ่านทาง จึงเปิด “ไฟเขียว” ผ่านตลอด

ปัญหาการจ่ายใต้โต๊ะ การคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงในห้วงที่ปัญหาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองปะทุ

อีกปัญหาฝังรากลึกที่ “บิ๊กตู่” ถึงเวลาต้องขุดรากล้างใหญ่.

ทีมข่าวการเมือง