“อุเทน”แนะ”บิ๊กตู” ใช้ คสช.หรือคัดเลือกบุคคลคิดนอกกรอบ ลุย ปฏิรูปประเทศแทน หลัง สปช.ทำงานยกเครื่องประเทศเหลว สอนเชิง สปช.ดูร่าง รธน.สุดท้ายก่อนโหวต ไม่ใช่ออกมาเคลื่อนไหวขู่คว่ำ เพียงหวังผลต่อรองนั่งสภาฯ ขับเคลื่อนฯ
วันที่ 15 มิ.ย. นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีที่ คสช และ ครม. เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว โดยมีประเด็นที่กำหนดให้ สปช. ยุติการปฏิบัติหน้าที่ภายหลังการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปขึ้นมาทำหน้าที่แทน ว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการทำงานของ สปช. รวมไปถึงวิธีการคัดเลือกบุคคลเข้ามาทำงาน ก่อนหน้านี้ เคยออกมาท้วงติงเรื่องการนำพวกคนหน้าเดิมๆ ที่เคยมีส่วนในการสร้างปัญหาให้กับประเทศ เข้ามามีตำแหน่งหน้าที่ ทำให้เสียทั้งเวลาที่ไม่ได้อะไร และงบประมาณที่ต้องสูญเสียไปให้กับคนเหล่านี้อีกเป็นจำนวนมาก ในตลอดปีที่ผ่านมา จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ปรับเปลี่ยนแนวคิดในการเลือกใช้คนเข้ามาทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปด้านต่างๆ ที่มีความสำคัญต่ออนาคตประเทศ ไม่จำเป็นต้องใช้คนจำนวนมากอย่าง สปช. หรือสภาขับเคลื่อนฯ ที่กำหนดไว้มากถึง 200 คน แต่สามารถใช้คนเพียงไม่กี่คน หากมีความตั้งใจและความสามารถจริง ประเทศไทยยังมีคนดีคนเก่งอีกมาก อยากสนับสนุน คสช.ให้ใช้โอกาสนี้ในการพิจารณาคัดสรรบุคคลด้วยกรอบแนวคิดใหม่ ทั้งในแง่จำนวน ความเป็นมาและควรเน้นในแง่ของคุณภาพคน ที่ต้องคิดเป็น ทำได้ และคิดได้ ทำเป็น ไม่ใช่ดีแต่สร้างภาพสร้างวาทกรรมไปวันๆ อย่างที่เป็นอยู่ หรือ ใช้เฉพาะโครงสร้างของ คสช.ในการขับเคลื่อนและกำหนดแนวทางปฏิรูปก็ได้
นายอุเทน กล่าวว่า ส่วนกรณีกระแสข่าว สปช.บางส่วนพยายามลงมติไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญนั้น อยากให้ สปช.พิจารณาถึงประโยชน์ส่วนรวมจากเนื้อหาสาระหลักของร่างรัฐธรรมนูญ ร่างสุดท้าย ไม่ใช่ว่ายังไม่เห็นร่างฯ สุดท้าย แต่มีการออกมาปล่อยข่าวว่า จะล็อบบี้ให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เหมือนพยายามใช้การลงมติที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 ก.ย.นี้ แสดงพลังเพื่อต่อรองให้ได้ร่วมสภาขับเคลื่อนฯ หรือ มีตำแหน่งหน้าที่ต่อในยุคของ คสช. อีกทั้งต้องไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม หรือ ประโยชน์ของกลุ่มคนที่ยกร่างเท่านั้น
...
นายอุเทน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย โดยเฉพาะการแก้ไขสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ว่า แนวนโยบายต่างๆ สอดคล้องกับสถานการณ์ จริงหรือไม่ มีการบิดเบือนตัวเลขทางเศรษฐกิจ หรือไม่ และดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลงมานั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะขณะที่คนในรัฐบาลบอกว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว แต่คนภายนอก โดยเฉพาะประชาชนทั่วไป ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่า เดือดร้อนและประสบกับปัญหาปากท้อง หากยังไม่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตรงนี้ไม่ได้ ก็ยากที่จะวางรากฐานประเทศไปสู่อนาคต ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับวิสัยทัศน์ที่ ว่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้เป็นเป้าหมายที่ต้องดำเนินการไปให้ได้ ส่วนวิสัยทัศน์ควรเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนให้หน่วยงาน หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องปฏิบัติไปให้ถึงเป้าหมายมากกว่า ส่วนตัวขออนุญาตเสนอแนวทางลดรายจ่าย ประหยัดอดออมแก่รัฐบาล เพื่อสร้างฐานความมั่นคงของรัฐให้ได้ต่อไป.