มีกฎหมายใหม่ออกมาฉบับหนึ่งซึ่งข้าราชการที่มีหน้าที่ในการบริการประชาชนจะต้องรับรู้และถือปฏิบัติโดยทั่วกันอันเป็นผลพวงหนึ่งของการปฏิรูประบบราชการ

นั่นคือ พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 และจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน คืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

สำนักงาน ก.พ.ร.กำลังดำเนินการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับหน่วยงานของรัฐต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง

นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล รองเลขาธิการ ก.พ.ร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ก.พ.ร. ได้ให้รายละเอียดถึงที่มาของพระราชบัญญัติดังกล่าวว่า ในช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา การปฏิรูประบบราชการได้มีความพยายามที่จะพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนของหน่วยงานต่างๆให้ไปสู่การบริการประชาชนที่รวดเร็ว ทั่วถึง เป็นธรรม มีคุณภาพ ราคาถูก แต่ก็ยังพบว่าปัจจุบันมีกฎหมายว่าด้วยการอนุญาตจำนวนมาก กำหนดให้การประกอบกิจการของประชาชนต้องผ่านการอนุมัติ การอนุญาต การออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียน และการแจ้ง ในการขออนุญาตดำเนินการต่างๆ จะต้องติดต่อกับส่วนราชการหลายแห่ง อีกทั้งกฎหมายบางฉบับไม่ได้กำหนดระยะเวลา เอกสาร และหลักฐานที่จำเป็น

รวมถึงขั้นตอนในการพิจารณาไว้อย่างชัดเจน ทำให้เกิดความคลุมเครือ ไม่ชัดเจน อันเป็นการสร้างภาระแก่ประชาชนอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ คสช.และรัฐบาล จึงเห็นควรให้มีกฎหมายกลางที่จะกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาต รวมทั้งจัดให้มีช่องทางในการรับคำขอ ณ จุดเดียว และมีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขออนุญาตกับประชาชน ซึ่งเมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้ว จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้รับบริการที่มาติดต่อกับหน่วยงานของรัฐหลายประการคือ

...

ประการแรก เมื่อประชาชนผู้รับบริการไปติดต่อขอรับบริการตามหน่วยงานของรัฐต่างๆ จะพบกับ “คู่มือประชาชน” ที่จะทำให้ทราบถึงวิธีการยื่นคำขอ ขั้นตอน และระยะเวลาในการพิจารณา เอกสาร หลักฐานที่ต้องใช้ยื่นพร้อมคำขอ และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่จะประกาศไว้ให้เห็นทำให้ประชาชนสามารถเตรียมการ และวางแผนในการดำเนินธุรกิจได้อย่างชัดเจน รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางในการให้บริการ โดยสามารถยื่นคำขอผ่านทาง “สื่ออิเล็กทรอนิกส์” แทนการยื่นคำขอด้วยตนเองได้

ประการที่สอง ในการรับคำขอ เจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอจะต้องตรวจสอบคำขอ และเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน หากพบว่าเอกสารไม่ถูกต้อง หรือขาดเอกสารใด ต้องรีบแจ้งให้ประชาชนผู้มารับบริการทันที หากไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ในขณะนั้น ต้องบันทึกข้อมูล และเอกสารหลักฐานที่ต้องยื่นเพิ่มเติม พร้อมกำหนดเวลาที่ประชาชนผู้รับบริการต้องดำเนินการไว้ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสามารถขอเอกสารเพิ่มเติมได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ประการที่สาม การพิจารณาคำขอของหน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการให้เสร็จตามที่ได้ประกาศไว้ในคู่มือสำหรับประชาชน และต้องแจ้งเหตุผลให้ประชาชนผู้รับบริการทราบภายใน 7 วัน หากไม่สามารถพิจารณาเสร็จภายในกำหนด ก็ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ประชาชนผู้รับบริการทราบด้วย

ประการที่สี่ เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงบริการของหน่วยงานของรัฐที่มีประสิทธิภาพโดยจะพัฒนาศูนย์บริการร่วมของหน่วยงาน กระทรวงและจังหวัดที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว ให้สามารถรับคำขออนุญาตงานบริการต่างๆ ของแต่ละกรมภายใต้กระทรวงเดียวกัน หรือของหลายๆหน่วยงานในจังหวัดได้

การทำความเข้าใจในเรื่องนี้ไม่เฉพาะแต่ข้าราชการ จะต้องสื่อถึงประชาชนโดยตรงด้วย.

“ซี.12”