นายกฯยิ่งลักษณ์ ยัน ยังอยู่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยแชร์จากเฟซบุ๊กของ รองกิตติรัตน์ ชี้ ประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

วันที่ 21 ก.พ. นายกฯ ยิ่งลักษณ์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra โดยแชร์จากเฟซบุ๊ก ของ รองนายกฯ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ชี้ ประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ที่มีศักยภาพ และปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ โดยจากการจัดอันดับความยาก-ของการทำธุรกิจ ของปี 2557 ที่จัดทำโดยธนาคารโลกนั้น ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 18 ของประเทศน่าลงทุน ในธุรกิจโลก และที่สำคัญการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยดึงดูดความต้อง การลงทุนจากนอกภูมิภาคเพิ่มขึ้น



อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุน คือ ความเชื่อมั่น และเมื่อพิจารณาจากคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน ประเทศเรามีมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศในปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 5 ของ GDP ก็จะเห็นได้ว่า ประเทศเรายังมีความเชื่อมั่นในระดับดี 

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นมาโดย ตลอด และอยากให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันรักษาความเชื่อมั่นเพื่อรักษาโอกาสในการ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศค่ะ

เนื้อหาฉบับเต็ม

ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีศักยภาพ และปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยจากการจัดอันดับความยาก-ของการทำธุรกิจ ของปี 2557 ที่จัดทำโดยธนาคารโลกนั้น ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 18 ของประเทศน่าลงทุนในธุรกิจโลก และที่สำคัญการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยดึงดูดความต้องการลงทุนจากนอกภูมิภาคเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุนคือความเชื่อมั่น และเมื่อพิจารณาจากคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน ประเทศเรามีมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศในปีที่ผ่านมาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 5 ของ GDP ก็จะเห็นได้ว่าประเทศเรายังมีความเชื่อมั่นในระดับดี

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นมาโดย ตลอด และอยากให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันรักษาความเชื่อมั่นเพื่อรักษาโอกาสในการ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศค่ะ

จากข้อมูลของทางคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุน (บีโอไอ) ภาพรวมการลงทุนตลอดปี 2556 ที่ผ่านมา (มกราคม-ธันวาคม 2556) มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 2,237 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 1,110,400 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงาน รวมทั้งสิ้น 207,463 คน ซึ่งนับเป็นโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment - FDI) จํานวน 1,132 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 524,768 ล้านบาท

สำหรับในปี 2557 นี้ สืบเนื่องมาจากปัญหาการเมืองที่ต่อเนื่อง การที่มีรัฐบาลรักษาการปฏิบัติหน้าที่ ก็ทำให้การดำเนินงาน มีข้อจำกัดและขั้นตอนมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนที่จะต้องมีการข้อความเห็นจาก กกต. จึงทำให้ปัจจุบันมีที่คำขอรับการส่งเสริมที่ค้างการพิจารณา จาก BOI เป็นมูลค่าเกือบ 5 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการที่ค้างอยู่ ควรจะได้รับการพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนโดยด่วน เพราะเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในหลายสาขา ซึ่งจะก่อให้เกิดการก่อสร้างโรงงาน และการจ้างงานตามมาอีกมากในอนาคต ดังนั้น เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทาง BOI จึงได้มีการขอความเห็นจาก กกต. โดยทาง กกต. ได้ให้ความเห็นว่าน่าจะสามารถดำเนินการตามอำนาจได้ โดยจะต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งนี้ รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้ BOI เร่งดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อให้สามารถอนุมัติโครงการได้โดยเร็ว

นอกจากนี้ ถ้าเราดูจากมูลค่าของการลงทุนที่รอการอนุมัติในปีนี้ ก็ยังแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทย ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติอยู่ซึ่ง ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่โครงการลงทุนขนาดใหญ่จำนวนมากถูกพิจารณาล่าช้า ออกไปในช่วงเวลาที่ทุกประเทศกำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน (เออีซี) เพราะอาจทำให้นักลงทุนบางรายเปลี่ยนใจหันไปลงทุนในประเทศอื่นๆ แทนได้

...