ม็อบชาวนาภาคกลาง รวมตัวบุกประชิดรั้วทำเนียบฯ จี้รัฐบาลเร่งแก้ราคาข้าวตกต่ำ ขู่ปลุกชาวนาทั่วประเทศปิดถนน ถ้าพรุ่งนี้วงอนุ นบข. ไร้คำตอบ “สุชาติ” ให้คำมั่น ได้คำตอบที่ดีแน่ ยันนายกฯ ไม่นิ่งนอนใจ หลังชาวนาโวยสนใจแต่แก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเกษตรกรชาวนาผู้ได้รับความเดือดร้อนจังหวัดพื้นที่ภาคกลาง ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สุพรรณบุรี จ.อ่างทอง จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี จ.ชัยนาท และ จ.ปทุมธานี ประมาณ 200 คน นำโดย นายสมชัย ไตรถาวร ประธานชมรมชาวนาอยุธยา เดินทางมาชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ บรรเทาความเดือดร้อนของชาวนาอย่างเร่งด่วน โดยมีข้อเรียกร้อง ดังนี้

1. ขอให้รัฐบาลดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ทำนา โดยกำหนดราคาประกันข้าวที่ 11,000 บาทต่อตัน และกำหนดปริมาณรับประกันราคาไม่เกิน 50 ตันต่อราย หรือดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในราคารับจำนำข้าว 11,000 บาทต่อตัน สำหรับเกษตรกรรายละ 50 ตัน

2. ขอให้รัฐบาลเยียวยาเกษตรกรผู้ทำนาในพื้นที่รับน้ำ โดยจัดสรรเงินชดเชยจำนวน 300 บาทต่อไร่ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือนในแต่ละปี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเป็นพื้นที่รับน้ำ

3. ขอให้ยกเลิกมาตรการห้ามเผาตอซังข้าวในพื้นที่ทำการเกษตร เนื่องจากชาวนาที่อยู่ในพื้นที่ไม่มีทางเลือกอื่นใดในการกำจัดฟางข้าวนอกจากการเผาทำลาย หรือขอให้ตั้งงบประมาณรับซื้อตอซังข้าว เพื่อช่วยลดภาระชาวนา

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรอยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี กลุ่มเกษตรกรปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงบริเวณ ถ.พิษณุโลก หน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นการปราศรัยถึงปัญหาราคารับซื้อข้าวตกต่ำ พร้อมทั้งชูป้ายระบุข้อความต่างๆ อาทิ “ต้นทุน 6,000 ขายได้ 6,500 เอาเงินที่ไหนจ่ายดอกเบี้ย ธ.ก.ส.”, “กำแพงเพชรเกวียนละ 5,000-6,000 จะอยู่รอดได้อย่างไร ขอ 12,000 ต่อเกวียน”, “หยาดเหงื่อของชาวนาต้องมาเป็นน้ำตาในวันนี้โคตรช้ำใจ” เป็นต้น

จากนั้นเวลา 12.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนมาชุมนุมบริเวณประตู 1 สะพานชมัยมรุเชฐ ต่อมาเวลา 12.50 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินมาพบกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านเข้าใจปัญหาเกษตรกรชาวนาทุกคน วันนี้ต้องขอโทษทุกคน ที่ผ่านมาตนเป็นรมช.พาณิชย์ เอาข้อมูลมาดู 2 ปีที่ผ่านมา อินเดียไม่ได้ส่งออก ไม่ได้แข่ง แต่พอเขาส่งออกทำให้ข้าวราคาตก ตรงนี้ไม่ใช่ข้อแก้ตัว นายกรัฐมนตรีกำชับกระทรวงพาณิชย์ว่า การประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด (อนุ นบข.) ที่จะกำหนดแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวเปลือกที่ลดลงจากการกลับมาส่งออกของอินเดียหลังหยุดไป 2 ปี ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ กระทรวงพาณิชย์ต้องเสนอว่าจะให้ราคาเท่าไหร่

ส่วนที่รัฐบาลเพิ่มภาระให้เกษตรกรเรื่องห้ามเผาฟาง นายสุชาติ ระบุว่า ถือเป็นนโยบายแก้ฝุ่น PM 2.5 การประชุมพรุ่งนี้ก็จะบรรจุเรื่องนี้ด้วย เพราะสร้างปัญหาให้เกษตรกร รวมถึงเรื่องเงินชดเชยด้วยที่จะมีการสอบถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าจะเป็นอย่างไร ยืนยันนายกรัฐมนตรีไม่ทอดทิ้ง แต่มีความตั้งใจแก้ปัญหา และตั้งใจมาติดตามปัญหา ไม่ใช่แค่มาพบรับหนังสือแล้วกลับ ซึ่งการที่ตนมาวันนี้ถือว่าเอาหน้าตัวเองมาการันตี

จากนั้นเกษตรกรบางส่วนได้ขอความชัดเจนจาก นายสุชาติ ว่าการประชุมในวันพรุ่งนี้จะได้ตัวเลขราคาข้าวที่ชัดเจนหรือไม่ พร้อมทั้งระบุว่าที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสนใจแต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายสุชาติ ชี้แจงว่า วันนี้ตนไม่ได้พูดสักคำถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาราคาข้าวจึงได้มาชี้แจง พร้อมบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “วันนี้ไม่คุยเรื่องการเมือง แต่มาคุยเรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกร วันนี้ผมคุยให้ชัดว่าจะคุยเรื่องความเดือดร้อน เพราะเป็นลูกผู้ชาย”

ขณะเดียวกัน นายสุชาติ ยืนยันว่าวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ภายหลังการประชุมคณะอนุ นบข. เมื่อมีความชัดเจนจะมีการแถลงข่าวให้พี่น้องเกษตรกรรับทราบ พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่าเรื่องข้าวไม่ได้มีแค่เฉพาะกระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งการทำงานต้องบูรณาการกันทุกฝ่าย ไม่ใช่ลูบหน้าปะจมูกกันทุกครั้งไป

ทางด้านประธานชมรมชาวนาอยุธยา กล่าวว่า หากวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ไม่ได้รับคำตอบจากที่ประชุมที่ชัดเจน จะมีการรวมตัวของเกษตรกรชาวนาทุกจังหวัดทั่วประเทศ ปิดถนน ติดคุกก็ติดคุก และเชื่อว่าคนที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้คือนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายสุชาติ ย้ำอีกครั้งว่า การมาพูดคุยกับพี่น้องชาวนาวันนี้เรามาด้วยความจริงใจ แต่ที่ยังบอกราคาชัดเจนไม่ได้ เพราะต้องรอการประชุมพรุ่งนี้ก่อน แต่เชื่อว่าก็ต้องได้บ้าง.