เมื่อปลายๆสัปดาห์ที่แล้ว ทุกประเทศที่เป็นคู่ค้ากับสหรัฐฯต่างหนาวๆร้อนๆไปตามกัน เพราะมีข่าวกระหึ่มมาหลายวัน ว่า ประธานาธิบดี “จอมดีเดือด” โดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนามในคำสั่งผู้บริหาร “ขึ้น” ภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ค้าทั่วโลกในวันพฤหัสบดีที่สหรัฐฯ หรือประมาณสายๆวันศุกร์ของประเทศไทย

จะโดนแบบเหมารวมเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ หรือจะโดนแบบแยกขึ้นตามลักษณะสินค้า สร้างความระทึกใจให้แก่ประเทศคู่ค้าไปตามๆกัน รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย

เพราะเราก็เป็นประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าเขาและอยู่ประมาณอันดับที่ 10 ของประเทศคู่ค้าของเขาทั้งหมดในปัจจุบันนี้

เฉพาะปีที่แล้ว 2024 ตัวเลขยังไม่เต็มปีดี เราได้เปรียบดุลการค้าเขาถึงกว่า 41,500 ล้านเหรียญเข้าไปแล้ว

เอาเข้าจริงๆ ปรากฏว่าประธานาธิบดี “จอมดีเดือด” ท่านเดือดน้อยลงมาหน่อย ออกแค่คำสั่งภายในแบบบันทึกช่วยจำถึงคณะทำงานชุดต่างๆในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นภาษีนำเข้าของท่าน บ่งบอกวัตถุประสงค์แนวคิดและวิธีทำงาน พร้อมกับให้เวลาทำงานไปถึง 1 เมษายนโน่น...ค่อยเริ่มลงมือปฏิบัติการ

ผมเลยหยิบปฏิทินขึ้นมานั่งนับวัน โดยเริ่มจากวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์เรื่อยไปจนถึง 1 เมษายน (วันโกหกโลก หรือ April Fool’s Day) รวมแล้ว 47 วันพอดิบพอดี

ครบกำหนดแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯจะต้องส่งผลการศึกษาตามแนวทางที่คุณทรัมป์เรียกว่า Fair and Reciprocal Plan หรือ “แผนภาษีศุลกากรเพื่อการตอบโต้อย่างเป็นธรรม” มาให้ท่าน แบบพร้อมจะกดปุ่มสั่งการได้

ในอารัมภกถาของคำสั่งภายในฉบับนี้ คุณทรัมป์สาธยายว่า ประเทศเรา (USA) โดนเอารัดเอาเปรียบในเชิงการค้ามาตลอด

เราจะไม่อดทนอีกต่อไปแล้วสำหรับการค้าที่ “อยุติธรรม” 

...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า ในการแถลงข่าวเรื่องนี้ หลังจากลงนามในบันทึกที่ว่าไปแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้มีการแจกเอกสารรายละเอียดว่าด้วยตารางการค้าขายกับประเทศต่างๆ ที่ทรัมป์อ้างว่าไม่เป็นธรรมอย่างละเอียดยิบ

ยกตัวอย่างให้เสียวสันหลังหลายประเทศ เช่น บราซิล กับ อินเดีย และยุโรปบางประเทศ เป็นต้น

ในส่วนของประเทศไทยเราที่ได้เปรียบดุลการค้าอยู่พอสมควรนั้น จะเข้าข่าย “อยุติธรรม” อย่างไรบ้าง ในสายตาของทรัมป์ และสหรัฐฯ คงเป็นเรื่องที่เราจะต้องหยิบยกมาดูกันอย่างละเอียด พร้อมกับวางแผนในการต่อสู้ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นอย่างเต็มกำลังความสามารถ

ถือว่าเรายังมีเวลาอีก 47 วันตามที่ผมนับเมื่อสักครู่นี้

เรา...ในที่นี้ผมหมายถึงทางฝ่ายข้าราชการประจำ และฝ่ายภาคเอกชนที่ทำการค้าการขายโดยตรงนั่นแหละจะต้องมานั่งพูดกันคุยกันหาทางออกด้วยกัน

จริงๆแล้วหน้าที่หลักก็ต้องเป็นฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เท่าที่ผมติดตามข่าวการเมืองทุกวันนี้เห็นมีแต่ความขัดแย้งมีแต่การทะเลาะกันเล่นแง่เล่นเชิงซึ่งกันและกันเต็มไปหมด

จะหวังเป็นที่พึ่งหลักในการไปสู้รบปรบมือกับลูกน้องคุณทรัมป์คงจะหวังได้ไม่เต็มที่

ขอฝากไว้กับ ข้าราชการประจำ ทั้งหลายในทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง (โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์) รวมถึงภาคเอกชนผู้ผลิตสินค้าที่จะโดนเล่นงานโดยตรงดีกว่า โปรดใช้เวลา 40 กว่าวัน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ ผมขอให้กำลังใจ

1 เมษายน อาจจะเป็น “วันโกหก” หรือ “April Fool’s Day” เป็นประเพณีที่ฝรั่งจะเล่นสนุกๆ โกหกซึ่งกันและกัน

แต่ผมเชื่อว่าคนไร้อารมณ์ขันอย่างประธานาธิบดีทรัมป์

ท่านคงไม่สนุกด้วยและคงจะเอาจริงจังสำหรับแผนตอบโต้ทางศุลกากรของท่านอย่างแน่นอนครับ

ขอให้เตรียมตัวต่อสู้ในทุกรูปแบบ ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งอย่างเต็มที่...และขอให้เอาตัวรอดผ่านกรงเล็บ “ทรัมป์” ไปได้ในที่สุดนะครับผู้ส่งออกไทย.

"ซูม"

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม