สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจหลังเลือกตั้ง อบจ. 2568 คนใช้สิทธิน้อยเหตุติดธุระ-เป็นวันเสาร์ สะท้อน กกต. ล้มเหลว หลังประชาชนออกมาใช้สิทธิเพียง 58%


วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ เรื่อง “ควันหลงเลือกตั้งท้องถิ่น” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,386 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 4-7 กุมภาพันธ์ 2568 สรุปผลได้ดังนี้

1. ประชาชนไปเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมาหรือไม่

63.28% ตอบว่า ไป
36.72% ตอบว่า ไม่ได้ไป เพราะติดภารกิจ ต้องทำงาน ที่พักอาศัยปัจจุบันอยู่คนละพื้นที่กับเขตเลือกตั้ง ใช้เวลาในการเดินทางนาน

2. ประชาชนคิดว่าสาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้น้อยกว่าที่คาดการณ์

68.99% ระบุว่า ติดธุระ ไม่สะดวกในการเดินทางไปใช้สิทธิ
47.18% ระบุว่า ตรงกับวันเสาร์
33.49% ระบุว่า ผู้สมัครไม่น่าสนใจ/ไม่มีทางเลือกที่ดีพอ

3. ประชาชนเห็นว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาติมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

52.89% ระบุว่า แตกต่างกัน เพราะผู้สมัครท้องถิ่นเป็นคนในพื้นที่ รู้และเข้าใจปัญหาของชุมชนได้ดี มีความใกล้ชิดประชาชนมากกว่า
47.11% ระบุว่า เหมือนกัน เพราะนโยบายและวิธีการหาเสียงคล้ายกัน มีพรรคการเมืองสนับสนุนเหมือนกัน ประชาชนมีสิทธิออกไปใช้เสียงเหมือนกัน

4. สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเลือกตั้งนายก อบจ. ครั้งนี้

...

54.91% ระบุว่า ประชาชนมีแนวคิดใหม่ๆ ในการเลือกผู้บริหารท้องถิ่น
51.15% ระบุว่า การเข้าถึงปัญหาท้องถิ่นโดยแท้จริงเป็นเรื่องสำคัญกว่ากระแส
42.93% ระบุว่า การคัดเลือกตัวผู้สมัครมีผลต่อคะแนนเสียง

5. ประชาชนคิดว่าผลการเลือกตั้งนายก อบจ. ครั้งนี้ จะส่งผลต่อการพัฒนาพื้นที่จังหวัดของท่านมากน้อยเพียงใด

26.98% ระบุว่า ไม่แน่ใจ อาจต้องรอดูผลลัพธ์ในระยะยาว
25.32% ระบุว่า ส่งผลในระดับหนึ่ง อาจมีการเปลี่ยนแปลงบางด้าน
20.07% ระบุว่า ส่งผลน้อย ไม่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงมากนัก
16.45% ระบุว่า ไม่ส่งผลเลย ทุกอย่างน่าจะเหมือนเดิม
11.18% ระบุว่า ส่งผลอย่างมากและเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ควันหลงการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของอำนาจในแต่ละพื้นที่ ผู้ใช้สิทธิที่ลดลงจากความไม่สะดวกและการเลือกตั้งที่ตรงกับวันเสาร์และการตั้งคำถามถึงการประชาสัมพันธ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สร้างความสงสัยให้กับประชาชน สำหรับพรรคการเมืองที่ลงสนามแบบเปิดหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดว่าประชาชนต้องการผู้นำใกล้ชิดและเข้าใจพื้นที่ มากกว่าผู้นำในเชิงนโยบายกว้างๆ ซึ่งแตกต่างจากการเมืองระดับชาติ

ขณะที่ ผศ.อัญชลี รัตนะ อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า หากพิจารณาสถิติของผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นตัวชี้วัดการทำงานของ กกต. ก็คงต้องกล่าวว่า ประสบความล้มเหลวในด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เนื่องจากจำนวนประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง มีสัดส่วนเพียง 58% เมื่อเทียบกับการเลือกตั้ง อบจ. ทั่วประเทศในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ซึ่งมีสัดส่วน 62.86% ลดลงถึง 4.86% จากผลสำรวจพบว่าสาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้น้อย เนื่องจากประชาชนไม่สะดวกในการเดินทางไปใช้สิทธิ เพราะติดภารกิจ และเป็นวันเสาร์ ประชาชนที่ทำงานในภาคเอกชนบางบริษัทยังคงต้องทำงานตามปกติ ซึ่งมีความสอดคล้องกับเสียงสะท้อนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ผลกระทบที่ตามมาคือ ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิถูกจำกัดสิทธิจากเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 5 ประการเป็นเวลา 2 ปี เว้นแต่ได้แจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งในช่วงระยะเวลาที่กำหนด คือ ก่อนการเลือกตั้ง 7 วันหรือภายใน 7 วันนับหลังวันเลือกตั้ง เช่นเดียวกับกรณีของบัตรเสียจำนวน 900,000 ใบ สะท้อนความล้มเหลวในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์กับประชาชน แต่ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการบริหารจัดการของ กกต. มากกว่า ส่วนประชาชนที่ไปใช้สิทธิแต่กากบาทในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ก็เป็นเสียงสะท้อนของความไม่เชื่อมั่นในตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งของแต่ละพื้นที่ แม้จะมีนโยบายดี แม้จะมีสังกัดพรรคใหญ่ แต่ยังไม่รัก ไม่มั่นใจ จึงไม่เลือก.