ควันหลงการเลือกตั้งท้องถิ่นมีหลายแง่หลายมุม โดยเฉพาะที่คาดหวังว่าจะได้แต่ไม่ได้ดังหวังก็ต้องออกมาแก้ตัวเป็นพัลวัน

คงเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่มีใครยอมรับความพ่ายแพ้

ก็ต้องหาเหตุผลมาอ้างว่า เพราะอย่างนั้นอย่างนี้

หรือไม่ก็แถไปตามสภาพการณ์

ก็มีการตั้งคำถามว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ณ คาบนี้สิ้นมนต์ขลัง หรือยัง คำตอบแบบปุถุชนคนทั่วๆไปก็ต้องบอกว่า แทบจะหมด

น้ำยาแล้ว เพราะไปช่วยหาเสียงแต่ละพื้นที่ก็คุยโม้อวดตัวอวดเก่ง

แต่ผลที่ออกมาไม่ถึงใจชาวบ้านทำให้ชนะเลือกตั้งแค่

ครึ่งหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้นบางพื้นที่ที่ชนะก็ฉิวเฉียด

ไม่ได้เป็นแบบขาดลอยไม่เห็นฝุ่นแต่อย่างใด

นี่คือความจริงที่มันบอกความเป็นไปของมัน ก็คงไม่แปลกที่กองหนุนกองเชียร์จะหาเหตุผลต่างๆอ้างยืนยันว่า “ลูกพี่” ยังไม่สิ้นมนต์ เพราะถ้าไม่ช่วยหาเสียงคงไม่ได้ถึงขนาดนี้

ก็ถูกแต่ไม่ถูกหมด...

ความจริงแล้วผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยนั้นควรจะได้มากกว่านี้ เพราะครบเครื่องทุกอย่างโดยเฉพาะการเป็นแกนนำรัฐบาล

แต่ปรากฏชนะเลือกตั้งใกล้เคียงกับพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นรองทุกด้าน นั่นก็คือคำตอบที่สะท้อนภาพการเมืองที่เปลี่ยนไปแล้ว

17 ปีการเมืองไทยเปลี่ยนไปมากแล้ว

อย่าได้หลงติดอดีตจนลืมความจริง!

มีข้อที่น่าสังเกตสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้อยู่ 3 เรื่อง

1.ประชาชนไปใช้สิทธิน้อยลง เหตุผลเชิงประจักษ์อย่างหนึ่ง คือการเลือกตั้งวันเสาร์ ปกติจะเลือกวันอาทิตย์

2.บัตรเสียมีมากอาจจะเป็นเพราะความสับสนระหว่างการเลือกตั้งนายก อบจ.และสมาชิก อบจ. แม้จะแยกบัตรกันแต่เวลากาอาจจะไม่ตรงช่องที่ถูกต้องคือสลับใบกัน

3.ไม่ประสงค์จะเลือกผู้ใด ซึ่งมีจำนวนมากผิดปกติอันสะท้อนความคิดทางการเมืองของประชาชนได้ชัดเจนว่า ต้องการที่จะเปลี่ยนจากนักการเมืองหน้าเก่า พรรคเก่า บรรดาบ้านใหญ่เก่าๆที่ยังมีอิทธิพลอยู่

...

เพียงแต่ยังไม่มีของใหม่ที่ถูกใจให้เลือกเท่านั้น...

อันไม่ต่างไปจากการเลือกตั้ง สส.ครั้งที่ผ่านมา ที่พรรค “ก้าวไกล” ชนะการเลือกตั้งอันดับ 1 ล้มผู้สมัครเก่าๆจากพรรคการเมืองเก่าๆ

อันเป็นนิมิตหมายทางการเมืองไทยว่าสังคมไทยได้เริ่ม

หันมาให้ความนิยมนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์การเมือง ไม่ซื้อเสียง

ทำให้พรรคประชาชนคิดว่าจุดนี้แหละที่จะทำให้พวกเขาชนะการเลือกตั้งได้

แต่การเลือกตั้งท้องถิ่นในสนามจริงปรากฏว่า ผู้สมัครนายก อบจ.ได้เพียงคนเดียวจากจังหวัดลำพูน ส่วนจังหวัดอื่นๆมี

หลายจังหวัดที่คะแนนเบียดผู้ชนะห่างกันไม่มากนัก

แม้ทางพรรคจะบอกว่าได้เพียง 1 คนก็พอใจแล้ว และจะทำให้ลำพูนเป็นต้นแบบการบริหารงานท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนเห็นว่า ถ้าเลือกพวกเขา

ประเทศจะพัฒนาไปอย่างไร

ก็เป็นความคาดหวัง

แต่ในสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็ยังไม่รู้ได้ว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นนั้น พวกเขาจะได้รับความนิยมอีกหรือไม่

เพราะมีการสำรวจความเห็นของประชาชนระบุว่า จะไม่เลือกพวกเขาแล้วถึง 50%

นี่ก็เป็นการสะท้อนภาพการเมืองที่น่าสนใจยิ่ง

ที่สำคัญคือการเมืองไทยไม่มีอะไรแน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม