โต้พัลวันข้อครหาตกเขียว ซื้อเสียงเลือกตั้ง อบจ. ทางอ้อม

รัฐบาลทีมงานเพื่อไทย พาเหรดกันออกตัวโครงการแจกเงิน 10,000 เฟส 2 ให้อากง อาม่า อาวุโสวัยแซยิดขึ้นไป ราว 3 ล้านคน เมื่อ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้จัดวางหรือเตรียมการล่วงหน้า

เผอิญวันเวลามันมาประจวบเหมาะใกล้วันหย่อนบัตรเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ. พอดี

ประธานวิปรัฐบาล วิสุทธิ์  ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร้องโอ๊ยให้สัมภาษณ์นักข่าว “รัฐบาลเขาวางแผนไว้นานแล้ว พูดมาก่อนตั้งหลายเดือนตั้งแต่ปีที่แล้ว”

ไม่ใช่มาแจกปุบปับหรือแจกเพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย รหัสย่อ ส.ท.ร. 1 พูดบนเวทีปราศรัย ท่านก็พูดของท่านไปตามสไตล์ไม่เกี่ยวกัน

แต๊ะเอียตรุษจีนบ้าง ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวบ้าง

ขอย้ำไม่ใช่การสั่งจ่าย เป็นนโยบายที่กำหนดไว้ล่วงหน้านานแล้ว

เชื่อไม่เชื่อโปรดใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรอง เพียงแต่ ส.ท.ร. ก็ชอบขยี้ตีกิน จนหมิ่นเหม่ บรรดานักร้องร่างคำฟ้องกันไว้เป็นหน้าๆแล้ว

จับสังเกตอาการ “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า” เหมือนความมั่นใจกำลังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ปะฉะดะไม่กลัวใคร พร้อมชน พร้อมบวก

ใครซ่า ใครแหลมมาปัดแข้งปัดขารัฐบาล หรือ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รัก ส.ท.ร. เปิดฉากไล่ด่ากระเจิง ถ้อยคำรุนแรงแต่อู้กำเมืองทำให้แลดูเบาลง ใช้ภาษาเหนือเป็นซอฟต์พาวเวอร์

และหลายครั้งที่พยายามส่งสัญญาณลอยลมตัดพ้อ “ถ้าจะใช้ผมก็ต้องให้อำนาจผมเต็มที่”

คล้ายกับสโลแกนที่ สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ เคยใช้ตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. “ถ้าจะใช้ผมกรุณาเลือกผม” จนได้คะแนนเป็นล้าน

สถานการณ์ “นายใหญ่-ค่ายแดง” ดีขึ้นทันตาเห็น ภาวะภูมิคุ้มกันทางการเมืองแข็งแกร่งเหลือเชื่อ

...

เงื่อนปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่ฝ่ายแค้น พลพรรคคนเกลียดทักษิณใช้เป็นเงื่อนแง่เคลื่อนไหวคุกคามหยุดชะงัก

หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปและยังไม่มีกำหนดว่าจะมีคำสั่งเมื่อไหร่ พร้อมสั่งไม่ให้เผยแพร่คำร้องหรือถ่ายภาพใดๆ ระหว่างการพิจารณาคดี

คลื่นลมสงบ ม็อบไม่มีประเด็นจุดไฟ

“นายใหญ่บ้านจันทร์” ลุยหาเสียงสนาม อบจ.เต็มที่ ตามภารกิจเป้าหมายเชื่อมโยงการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองภาพใหญ่ของรัฐบาล มองไกลไปถึงเลือกตั้งสนามใหญ่และการหวนกลับมาเป็นรัฐบาลรอบหน้า

ไม่กลัวประเด็นร้องเรียนหยุมหยิม แม้แต่ฝ่ายค้านค่ายส้ม พรรคประชาชนยังประหลาดใจ

ด้าน กกต. ก็ยังไม่มีปมทีเด็ดทีขาดที่จะเอาผิด “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า”

กลายเป็น กกต. ที่เป็นตำบลกระสุนตกเสียเอง ปมจัดวันเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศเสาร์ที่ 1 ก.พ.

“สหายแหวง” แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ออกมาชี้แจงเหตุผลท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง

อ้างว่าถ้าเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ. สุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะเป็นเดดไลน์วันสุดท้าย ตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน หากเกิดเหตุผิดพลาดนับคะแนนล่าช้าข้ามวัน ก็เสี่ยงโมฆะผิดกฎหมาย

คนที่จะตายน้ำตื้น ก็คือ กกต.นั่นเอง

ถ้าแบบนั้นแล้วทำไมไม่กำหนดวันเลือกตั้งให้เร็วขึ้น เป็นวันที่ 26 ม.ค.

กกต.อ้างว่าต้องการให้บรรดาพรรคการเมือง นักการเมืองหาเสียงกันเต็มที่ ถ้าเลือกเร็วไปเดี๋ยวเจอด่า

งานนี้ค่ายส้มเดือดกว่าใคร “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ข้องใจ กกต.ไม่ถามกันสักคำ ถ้าเลือกตั้งวันที่ 26 ม.ค.ก็ยินดีไม่ขัดข้อง ดีกว่าต้องมาเลือกตั้งกันวันเสาร์แบบนี้

อดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัยมีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ เพราะที่แน่ๆค่ายส้มกระทบเต็มๆ ตามสถิติคนที่ต้องทำงานวันเสาร์ ล้วนอยู่ ในวัยหนุ่มสาว เป็นฐานเสียงค่ายส้มทั้งนั้น

ถ้าสัดส่วนเปอร์เซ็นต์คนมาใช้สิทธิน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ กกต.คงต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไปเต็มๆ

แต่ที่สบายแฮก็ค่ายแดง-ค่ายน้ำเงิน ไม่กระทบฐานเสียงผู้สูงวัย แถมได้อานิสงส์แต้มส้มโดนตัด

ลูกเข้าทางตามโรดแม็ปอำนาจ แต่ประชาธิปไตยอาจป่วย.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม