ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันแล้ว ปล่อยเลยตามเลย กรณีที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดข้อมูลในสภาฯว่ามีการตั้งค่าหัวตัวหลัก 200-300 ล้านบาท เพื่อโยกย้ายรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง โดยสาเหตุจากการทำหน้าที่รักษากฎหมายเข้มงวดใช้ยาแรงมาตรการตรวจสินค้าภาคอุตสาหกรรม สั่งปิดโรงงานผิดกฎหมาย
รัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์เปิดข้อมูลอีกว่ากลุ่มทุนที่ลงขันทุ่มเงินล้มเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น เป็นกลุ่มทุนสีเทาที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมเหล็กที่ไม่พอใจการตรวจสอบสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน ทั้งเหล็กจากต่างประเทศ และใช้การหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายและอัตราภาษี ลักลอบนำเข้าเครื่องจักรเพื่อนำมาผลิตในประเทศไทย
คนระดับรัฐมนตรีพูดย่อมต้องน่าเชื่อถือ มีข้อมูลข้อเท็จจริงจึงเป็นเรื่องที่นายเอกนัฏเองจะต้องดำเนินการต่อในกระบวนการยุติธรรม ทั้งหาข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนแจ้งความดำเนินคดี หรืออย่างน้อยต้องลงบันทึกประจำวันไว้ ขณะที่การทำงานในฐานะรัฐมนตรีก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่หวั่นไหว ทำให้ประสิทธิภาพงานโดยรวมลดลง
จะเพียงพูดว่าโยกย้ายไม่ได้แน่ เพราะเป็นอำนาจนายกฯเป็นผู้แต่งตั้งคงไม่ได้ เพราะหากแสดงท่าทีเช่นนี้ก็อาจถูกมองได้เหมือนกันว่าเปิดข้อมูลเพื่อหวังผลทางการเมือง พูดดักคอดักทางผู้มีอำนาจ ในห้วงที่กระแสข่าวเรื่องการปรับ ครม.เริ่มดังขึ้น และมีบางกระแสระบุว่ากระทรวงอุตสาหกรรมก็อยู่ในข่ายถูกปรับเปลี่ยนเช่นกัน
นอกจากนี้ สำหรับผู้บังคับบัญชา โดยตรง อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี ก็มีหน้าที่จะต้องเรียกสอบถามข้อมูล สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดเจน เพราะในฐานะผู้นำสูงสุดในฝ่ายบริหารต้องปกป้องการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี ไม่ใช่ปล่อยให้โดนข่มขู่คุกคามจากอำนาจทุนนอกระบบ นอกกฎหมายใดๆ
สิ่งสำคัญคือกรณีนี้ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นรัฐบาลได้ เพราะหากวันใดวันหนึ่ง มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบุคลากรเพื่อการ บริหาร ตัดสินใจปรับ ครม.ขึ้นมาจริง แน่นอนย่อมถูกตั้งข้อสงสัยตามมาในเรื่องการใช้อำนาจ มีคำถามถึงกลุ่มทุนนอกรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสินใจใดๆหรือไม่
...
เหนืออื่นใด ทุกวันนี้หลายครั้งมีการพูดถึงอิทธิพลของกลุ่มทุนสีเทาละเมิดกฎหมาย ใช้เงินเป็นใบเบิกทางให้รอดพ้นการตรวจสอบ จึงไม่ใช่เรื่องดีที่จะปล่อยผ่านให้ประเด็นทุนสีเทาเหิมเกริมครั้งนี้ค้างคา เพราะจะยิ่งสร้างความคลุมเครือในภาพรวมการบริหารของรัฐบาล กระทบต่อการทำงานของหน่วยงานและกลไกรัฐเข้าไปอีก.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม