โฟกัสการเมืองในห้วงนี้คงต้องพุ่งเป้าไปที่การเลือกตั้งท้องถิ่น อบจ.ทั่วประเทศ โดยเฉพาะการเลือกนายก อบจ. 47 จังหวัด ที่ยังเหลือค้างอยู่ ทำไมจึงต้องมองไปที่จุดนั้น
ก็เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ เนื่องจากพรรคการเมืองระดับประเทศโดดลงมาคลุกฝุ่นการเมืองท้องถิ่นอย่างเต็มตัว
ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกตั้ง สส.อย่างแน่นอน
ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นเพราะเป็นเวที “ปล่อยของ” ผู้มากบารมีการเมืองนอกรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” ใช้เวทีนี้แสดงตัวตนทุกอย่าง
ตั้งแต่ความเป็นตัวเขา แนวคิดทางการเมือง การหยิบเอาวิถีทางการเมืองของเขาจากอดีตสู่ปัจจุบัน การปกป้องลูกสาวซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี การประกาศนโยบายรัฐบาลผ่านช่องทางนี้
ที่สำคัญคือการหาคะแนนเสียงเพื่อมุ่งหวังไปสู่การเลือกตั้ง สส.
และที่ไม่พลาดก็คือการโจมตีพรรคคู่แข่งที่เป็นฝ่ายค้าน
และร่วมรัฐบาลเดียวกัน
สำคัญที่สุดก็คือการประกาศตัวว่าเขาคือบุคคลที่เหนือกว่าทุกคนในทางการเมืองที่มีอำนาจและบารมีมากล้น
ต่างๆเหล่านี้จึงทำให้การเลือกตั้งดุเดือดเข้มข้นและน่าติดตามยิ่ง!
คู่แข่งที่แย่งชิงเก้าอี้นายก อบจ.ครั้งนี้มีอยู่ 3 พรรคคือ “เพื่อไทย”-“ประชาชน”-“ภูมิใจไทย” ที่ส่งผู้สมัครไล่เรียงกันมา
แต่ที่แสดงตัวตนมากคือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน โดยภูมิใจไทยนั้นผู้สมัครส่วนใหญ่จะไม่ประกาศว่าในนามพรรคไหนแต่เป็นที่รู้ๆกันว่าใครส่งเข้าประกวด
ดังนั้นในเกมการหาเสียงจึงได้เห็นชัดเจนคือเพื่อไทยสู้กับประชาชน จนมาถึงสนามการเลือกตั้งที่ศรีสะเกษที่ต้องเปิดตัวอย่างไม่มีวาระซ่อนเร้น เนื่องจากลูกสาวของผู้สมัครคือโฆษกรัฐมนตรีมหาดไทย โดยมี สส.ร่วมออกหาเสียงด้วย
...
สนามเลือกตั้งที่น่าสนใจที่จะวัดความนิยมพรรคการเมืองและผู้ช่วยหาเสียงว่ามีบารมีที่จะเอาได้หรือไม่
คือเชียงใหม่ที่เพื่อไทยต้องเอาชนะให้ได้เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของ “ทักษิณ” หลังจากการเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมาเพื่อไทยพ่ายแพ้ให้พรรค “ก้าวไกล” ที่ได้ สส.ไป 7 คน จาก 9 เขต
ทำให้ “ทักษิณ” รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง
หากการเลือกตั้งครั้งนี้แพ้อีกที่คุยโม้อะไรไว้ก็เท่ากับจะบอกว่าไม่มีน้ำยาเพราะแม้แต่บ้านตัวเองยังสู้ไม่ได้
นับประสาอะไร...
อีกแห่งที่ศรีสะเกษที่เพื่อไทยชนเต็มๆกับภูมิใจไทยใครชนะก็บอกได้ว่าพื้นที่ภาคอีสานนั้นพวกเขาจะมีส่วนแบ่งอย่างแน่นอน
ประเด็นที่น่าจับตาที่สุดและวงพนันขันต่อตั้งโจทย์คือ
“ประชาชน” จะได้กี่ที่นั่ง หรือศูนย์ที่นั่งอย่างที่ผ่านมา แต่ ดูเหมือนว่าบรรดาแกนนำและผู้มากบารมีพรรค
ยังมั่นใจว่าน่าจะได้จำนวนหนึ่งโดยเฉพาะจังหวัดทางภาคตะวันออกและภาคใต้ เนื่องจากมี สส.เป็นฐานคะแนนอยู่
1 ก.พ.68 จะไขคำตอบเหล่านี้ได้!
ที่สำคัญก็คือผลการเลือกตั้งครั้งนี้สามารถจะใช้เป็นดัชนีชี้วัดว่าการเลือกตั้ง สส.ครั้งต่อไปพรรคการเมืองไหนจะได้ สส.มากสุด
อีกทั้งก่อนจะถึงวันนั้นการเมืองก็จะเข้มข้นมากขึ้นเป็นลำดับเนื่องจากแต่ละพรรคต่างก็จะต้องเร่งเครื่องด้วยวิธีการต่างๆเพื่อเอาชนะให้ได้
โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” ที่ตามเกมแล้วจะแพ้ไม่ได้
อันไม่ต่างไปจาก “ประชาชน” ถ้าพลาดหนนี้โอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาลน่าจะหมดสิ้นแล้ว!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม