"จุลพันธ์" เผย ชี้แจงกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต่อกฤษฎีกา ไม่เขียนสัดส่วนกาสิโนกี่เปอร์เซ็นต์เพราะไม่รู้สถานการณ์สังคมในอนาคตจะเป็นอย่างไร คาดทันเข้าประชุมสภาฯ สมัยนี้

วันที่ 27 มกราคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษที่ตั้งขึ้นมา ได้เชิญกระทรวงการคลังเข้าไปมีส่วนร่วมในการประชุมทุกครั้ง ตนได้ชี้แจงไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 มีการสอบถามถึงแนวนโยบาย จึงชี้แจงว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มีส่วนประกอบของธุรกิจหลายประเภทรวมถึงกาสิโนด้วย เพื่อสร้างเม็ดเงินลงทุนกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวมากขึ้น รายจ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เกิดการจ้างงาน รวมถึงสามารถกำกับดูแลสิ่งที่เรียกว่าการพนันผิดกฎหมายที่อยู่ด้านนอกได้ด้วย

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ได้เสนอว่าขอให้มีตัวแทนของฝ่ายบริหารได้เข้าไปนั่งในคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษด้วย โดยส่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 2 คน ไปร่วมประชุมด้วยทุกครั้ง คือ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ และนายฉัตริน จันทร์หอม เพราะเราต้องการให้หลักคิดและแนวคิดของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนได้บอกคณะกรรมการกฤษฎีกาไปว่า สิ่งที่สื่อและสังคมยังเข้าใจผิดว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นบ่อนกาสิโน ไม่ใช่แบบนั้น การเติบโตทางเศรษฐกิจ 10 ปีที่ผ่านมาเหลือ 2% รัฐบาลจึงพยายามผลักดันเรื่องเศรษฐกิจโดยตั้งเป้าอย่างต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 5% และเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโต คนไทยทุกคนจะได้รับประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นได้

...

เมื่อถามถึงกรณีที่นิด้าโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนพบว่าไม่เห็นด้วยกับโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไร นายจุลพันธ์ ระบุวว่า กระบวนการที่ดำเนินการมีอยู่ 2 อย่าง คือ กระบวนการทางกฎหมาย ผ่านกระบวนการทำประชาพิจารณ์มาเรียบร้อย ซึ่งประชาชนเห็นด้วย 80% ส่วนผลโพลที่ออกมาขอให้สื่อมวลชนพูดให้ชัด เขาพูดถึงพนันออนไลน์ ไม่ใช่เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขอให้แยกประเด็นให้เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นเรื่องการลงทุนและเติมเม็ดเงินใหม่เข้ามาในระบบเศรษฐกิจผ่านการก่อสร้างหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น มีแหล่งดึงดูดใหม่ๆ ตรงนี้ยังไม่เห็นความเห็นคัดค้าน แต่เชื่อว่าสังคมต้องมีความเห็นที่แตกต่างอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะเห็นชอบตรงกันหมด ส่วนที่ทำโพลออกมาเป็นคนละประเด็นกัน

ส่วนคำถามถึงกรณีเป็นห่วงเรื่องการพนันต่างๆ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคยมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ไปศึกษา ทั้งเรื่องการพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 4-5 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับไอที ซึ่งมีผลศึกษากลับมายัง ครม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการศึกษาข้อปัญหาเช่นนี้ และส่งมายัง ครม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง ครม. เห็นชอบและส่งต่อไปยังกระทรวงดีอี กระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปประชุมร่วมกันและยกร่างกฎหมาย สุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ผ่านมาเพียง 2 สัปดาห์ ตนเชื่อว่าน่าจะยังไม่ได้เริ่ม ต้องรอดูว่าหากประชุมและยกร่างออกมาในรูปแบบใด และ ครม. ต้องพิจารณาอีกครั้ง ถ้าผ่านก็ดำเนินการต่อไปส่งไปยังสภาฯ 

ทางด้านคำถามว่า คณะกฤษฎีกามีข้อห่วงใยอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายจุลพันธ์ เผยว่า ส่วนมากจะมี 2 เรื่องคือ 1. คอนเซปต์ โดยมีการชี้แจงว่าเป็นโมเดลทางธุรกิจ อีกแบบหนึ่งที่ต่างประเทศเขาใช้กัน และ 2. เป็นเรื่องของหลายธุรกิจประกอบกัน บวกกับกาสิโน นี่คือหลักคิดที่ชัดเจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะเราจะได้ดึงนักท่องเที่ยวหรือคอนเสิร์ตระดับโลกมา ที่ผ่านมาเราไม่มีสถานที่ เพราะฉะนั้นจะต้องใช้เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ดึงนักลงทุนในลักษณะนี้ รัฐบาลมองว่ามันจะช่วยสร้างเม็ดเงินในการเติบโตให้กับประเทศได้ ขณะนี้เป็นแนวหลักในการขับเคลื่อนโดยได้มีการชี้แจงไปแล้ว

ส่วนประเด็นของสำนักงานเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย มีหลายข้อเสนอที่น่าสนใจ หมายถึงอย่างไรประเด็นดังกล่าวก็มีความสำคัญ เพราะจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนโครงการที่มีเม็ดเงินเป็นแสนล้าน จึงมีความจำเป็นที่มีสำนักงาน คนที่กังวลเรื่องทุนจีนสีเทาและการพนันผิดกฎหมาย ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จะต้องมีสำนักงานคอยกำกับดูแล เพราะการที่มีคนมาลงทุนในระดับแสนล้าน เขาก็เป็นห่วงธุรกิจ

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงสัดส่วนของกาสิโนจะอยู่ที่ 10% ใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ ตอบว่า มีการหารือว่าจะเขียนหรือไม่เขียนตั้งแต่การยกร่างของกฎหมาย ยอมรับว่ามันเขียนยาก เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์สังคมในอนาคตจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นต้องให้อำนาจ ครม. และคนที่จะมากำกับดูแลในอนาคต มีโอกาสในการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจได้ในระดับหนึ่ง คงไม่เขียนกฎหมายหรือไปบังคับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะจะเป็นการจำกัดความคิดสร้างสรรค์ที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นอีกสาเหตุที่เราไม่ได้เขียนในรายละเอียดแนบท้ายว่ากิจกรรมมีอะไรบ้าง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังบอกด้วยว่า สาเหตุที่เราไม่ได้เขียนลิสต์แนบท้ายว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง แต่เราเขียนไว้ 10 ข้อ และข้อที่ 10 คืออื่นๆ เปิดโอกาสให้คนที่จะมาเสนอตัวได้คิดว่าจะเสนออะไรให้กับประเทศไทย จะเสนออะไรให้กับรัฐ จะเสนออะไรให้กับสังคม ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจและสังคม เปิดโอกาสให้คนที่จะมาได้นำเสนอแต่กระบวนการจะต้องโปร่งใส

อย่างำรก็ตาม เมื่อถามว่าการที่ให้เวลาคณะกรรมการกฤษฎีกาไปยกร่างรวบรวมความคิดเห็น 50 วัน จะทันการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนี้หรือไม่ นายจุลพันธ์ ระบุ คิดว่าไม่น่าจะใช้ระยะเวลานานขนาดนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกาประชุมสัปดาห์ละ 2 วัน และถ้าเห็นประโยชน์ร่วมกันก็คาดว่าน่าจะราบรื่น ส่วนสภาฯ จะโหวตให้หรือไม่เป็นเอกสิทธิ เท่าที่ทราบหลายคนหลักคิดก็ไม่ได้แตกต่าง เขาเพียงห่วงแต่ประเด็นทางสังคมและประเด็นการฟอกเงิน เชื่อว่าเมื่อถึงขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการจะมีการร่างและแก้ไขอย่างเต็มที่