ยังไม่หมดโปรฯฤดูหนาว กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งข่าวดีอากาศเย็นจะลากยาวไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์เสื้อกันหนาวได้ใช้กันคุ้มๆ

แถมปรากฏการณ์ “ลานีญา” ฤดูร้อนก็ไม่ร้อนตับแตก เหมือนปีที่ผ่านๆมา

อากาศเย็นสบายแต่ก็น่าเสียดายที่สูดลมหายใจได้ไม่ชุ่มปอด ในสภาพฝุ่นควันพิษ PM 2.5 ปกคลุมเขตเมืองใหญ่ อึมครึมไปหมด ภาคกลาง ปริมณฑล หนักสุดคือกรุงเทพฯที่สัญญาณเตือนมหันตภัยฝุ่นมฤตยูพุ่ง

สีส้มทะลักทั้ง 50 เขต ทะลุไปจนสีแดงเข้มเต็มพื้นที่

ค่าเฉลี่ยฝุ่นไต่ระดับเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่าค่ามาตรฐานแบบไทยๆที่กำหนดโดยกรมควบคุมมลพิษ ทะลักเกินขีดปลอดภัยขององค์การอนามัยโลกที่ล็อกตัวเลขไว้ต่ำๆที่ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มากเกิน 2 เท่า 

PM 2.5 เขย่าปอด กระทบระบบทางเดินหายใจ

ตัวเลขฝุ่นควันพิษเมืองหลวงประเทศไทย อยู่ในโซนเป็นอันตราย มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ถึงจุดที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ส่งสัญญาณผ่านเพจเฟซบุ๊กกรุงเทพมหานคร

เตรียม “อัดยาแรง” สกัดฝุ่นที่เป็นฝาชีครอบเมือง

เบื้องต้น 3 มาตรการเข้ม ห้ามรถเกิน 6 ล้อ เข้าโซน กทม.ชั้นใน ปิดโรงเรียนสังกัดกรุงเทพฯ และขอความร่วมมือให้ work from home ลดต้นเหตุฝุ่น PM 2.5 พร้อมกดปุ่มทันทีที่ค่าฝุ่นขึ้นสีแดงพร้อมกันมากกว่า5 เขต

“ชัชชาติ” แสดงความไวของประสาทรับรู้ ปฏิกิริยาฟุดฟิดกับฝุ่นควัน

ขณะที่สัญญาณจากรัฐบาลเพื่อไทย จับอารมณ์จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน บนเวทีโชว์วิสัยทัศน์ล่าสุด พูดถึงฝุ่น PM 2.5 ที่ได้ยินเสียงบ่นอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ไข

ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น

“ทักษิณ” ผู้เชี่ยวกรากหมากเกมอำนาจการเมือง อ่านสถานการณ์ทะลุช็อต อันตรายฝุ่นควันพิษ PM 2.5 ไม่ใช่แค่กระทบสุขภาพประชาชน แต่มันส่งผลต่อสุขภาพทางการเมืองของรัฐบาล ภายใต้การนำของลูกสาว “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ

...

ภายใต้ธรรมชาติกระแสดราม่าแบบไทยๆที่เพี้ยนเป็นคนละเรื่องเดียวกันได้ง่ายๆ อารมณ์ชาวบ้านร้านตลาดสำลักฝุ่นกดทับต่อมหงุดหงิด

อาการพานไปเหมารวมกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องยังไม่กระเตื้อง

โดยสัญญาณไม่สู้ดีที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่า หลังเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ เปิดทำงานปกติมาครึ่งเดือนแล้ว ถนนหนทาง

ยังโล่งกว่าปกติ รถราเบาบาง สอดรับกับข่าวช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทห้างร้านปิดกิจการ คนตกงาน นักศึกษาจบใหม่ เตะฝุ่น ว่างงาน หางานทำไม่ได้

คนหาเช้ากินค่ำ ตกที่นั่งลำบากในการหารายได้ประทัง ชีวิตไปวันๆ

ความหวังมุ่งไปที่รอเงินผันจากรัฐบาล โครงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 ก็ยังเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ตามสภาพงบประมาณแผ่นดินจำเขี่ยจำกัด มีแต่รายจ่ายไหลออกมากกว่ารายรับไหลเข้า ไม่นานก็ติดล็อกหมุนไม่ออก

นั่นจึงเป็นไฟต์บังคับรัฐบาลเพื่อไทย ทีม “เถ้าแก่ใหญ่” ต้องเปิดเกมเสี่ยง

“นายกฯอิ๊งค์” รับบท “เจ้ามือใหญ่” แจกไพ่ลุ้นเดิมพัน “กาสิโน”

ตามจังหวะรวบรัดเล่นเร็ว ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดล่าสุดได้อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การ ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

โดยมีสาระเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เช่น กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร คณะกรรมการบริหารจัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถาน บันเทิงครบวงจรการกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในเรื่องของการอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร

เร่งคิว “ร่าง พ.ร.บ.ประวัติศาสตร์” ก่อนส่งให้ที่ประชุมสภาตีตราประทับรับรอง

ปักหมุดจุดสตาร์ต รัฐบาลเพื่อไทยเปิดหวูด “บ่อนพนัน” ถูกกฎหมาย

ตีธงเป้าหมายปั่นจีดีพีที่ต่ำเตี้ย ได้เหลี่ยมโหนสถานการณ์ตามน้ำ อาศัยไฟต์บังคับกู้เศรษฐกิจ “นายกฯคนลูก” เดินตามรอย “นายกฯคนพ่อ” นำร่องเส้นทางเสี่ยงวัดดวง

เล่นของคม กล้าแตะต้อง “ของร้อน”

จับอาการเหมือนแกล้งหูทวนลม ทีมเพื่อไทยทำเป็นไม่ได้ยินเสียงทักของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่สะกิดให้หาวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบทางสังคมน้อยกว่า ไม่ฟังที่ปรึกษากฎหมายอย่างคณะกรรมการกฤษฎีกาแนะให้เคลียร์เป้าหมายโครงการให้กระจ่างก่อน

ตามฟอร์มหน่วยงานใต้คาถารัฐบาล เสียงย่อมเบาเป็นธรรมดา

แม้แต่เสียงนกเสียงกา ขบวนการต่อต้านบ่อนพนันเสรีที่หัวชนฝามาตลอด รอบนี้ยังไม่ทันส่งเสียงโห่ต้าน ก็โดนทีมเพื่อไทยปล่อยโทรโข่งรัฐบาลออกมาดิสเครดิต ปิดปากพวกขวางลำ อ้างฝ่ายค้านโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ รับงานมาจากนายทุนบ่อนพนันใต้ดิน

“ทักษิณ” ใส่เดิมพันหมดหน้าตัก “อิ๊งค์” แจกไพ่เริ่มกระดาน ยังไงก็ลุยทะลุซอยตันแน่

และมาถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าขบวนแห่ “กาสิโนถูกกฎหมาย” ของทีมเพื่อไทย ฝ่าด่านสกัดมาได้ไกลสุดนับตั้งแต่อดีตที่แค่คิดก็โดนโห่ โดนต้าน สังคมชาวพุทธรุมประณาม ถอยกรูดไม่เป็นกระบวน

“ใกล้เคียงความจริง” โอกาสสำเร็จเปอร์เซ็นต์สูง

เรื่องของเรื่องกระแสนอกสภาก็แค่องค์ประกอบเท่านั้น ไม่มีผลโดยตรงเหมือนด่านในสภา การผ่านกฎหมายตัดสินกันด้วยเสียงโหวตหนุนกับเสียงโหวตต้าน

ตามสถานการณ์ อ่านกระบวนท่าของฝ่ายค้าน พรรคประชาชน ก็ไม่ได้ตะบี้ตะบันต้าน

แต่เน้นหลัก “ค้านแต่ไม่ขวาง” แบบที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ค่ายส้ม แสดงความเป็นห่วงในมุมที่บ่อนกาสิโนจะเป็นแหล่งฟอกเงินให้แก๊งจีนเทา เปิดช่องทางโกยผลประโยชน์ของอาชญากรข้ามชาติ

กระตุกรัฐบาลให้โชว์มาตรการเด็ดขาด สำแดงฝีมือกวาดล้างบ่อนพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมายที่แฝงตัวอยู่ตามแนวชายแดนไทยกับเพื่อนบ้านที่สะท้อนความหละหลวมของทางการไทย

ต้องเคลียร์เจ้าหน้าที่รัฐรับส่วยให้ได้ก่อนลุยเปิดบ่อนพนันถูกกฎหมาย

ขณะที่ตัวพ่อค่ายส้มอย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยังออกตัวเป็นเชิงให้ความเป็นธรรม กับรัฐบาล ชี้การสร้าง “Man–Made Destination” หรือจุดหมายท่องเที่ยว คงจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาบ้าง เพียงแต่ไม่ตอบโจทย์ว่าประเทศไทยจะ

แข่งขันกับโลกทั้งด้านสินค้าและบริการในอนาคตได้อย่างไร ดังนั้นแนวทางนี้จึงไม่ใช่ทางออกทั้งหมด อยากเห็นการลงทุนที่ทำให้เกิดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยมากกว่า

ฟันธง “กาสิโนถูกกฎหมาย” ไม่ได้ตอบโจทย์การฟื้นเศรษฐกิจ

แค่ประชันกันในเชิงบริหาร ขบกันในมุมของแนวคิด เพราะถึงที่สุดเลยพรรคประชาชนก็มีนโยบายผลักดัน

การนำธุรกิจผิดกฎหมายมาทำให้ถูกกฎหมาย

แบบที่ขึ้นป้ายขายนโยบายหาเสียงเลือกตั้งในนามพรรคก้าวไกล ชูธงดันธุรกิจที่อยู่ใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดิน โดยมีการกำกับควบคุมอย่างเข้มข้น น่าจะเป็นทางออกที่จะสามารถควบคุมการดำเนินธุรกิจได้จริง ปิดช่องที่จะเกิดการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และยังสามารถสร้างรายได้เข้ารัฐในรูปแบบของภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตได้อีกด้วย

กฎหมาย “กาสิโน” น่าจะผ่านด่านฝ่ายค้านไปได้แบบสบายๆ

ด่านท้าทายจริงๆมันก็อยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันนั่นต่างหาก โฟกัสเฉพาะคิวของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย ที่ร่อนใบลาประชุม ครม. ไปตรวจงานเกาะสีชัง ก่อนจะโผล่กลับมาร่วมเฟรมแถลง ครม.ปล่อยคิวกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ร่วมกับทีมผู้นำนาทีสุดท้าย

แบไต๋ อาการแทงกั๊ก เสี่ยงลุ้นเดิมพัน “นายกฯอิ๊งค์” แจกไพ่กาสิโน แบบไม่หมดหน้าตัก

ไม่ใช่ “เลือดสุพรรณ” แบบที่ “นายใหญ่” ล็อกคอเพื่อนตาย

แถมในจังหวะลุยวัดดวงกฎหมายร้อน ลุยเสี่ยงบ่อนพนันถูกกฎหมาย ก็ดันมีเหตุกระตุกต่อมระแวงกันแรงๆระหว่าง “นายใหญ่” กับ “ครูใหญ่” อาการเหยียบตาปลา สะดุดปมร้อน “เกมลึก” ที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย ตัวตึงทีมเกรียนเซราะกราว เซ็นคำสั่งเบื้องต้น

ให้มีการตรวจสอบ เพื่อยึดที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์คืนเป็น “ที่ดินธรณีสงฆ์”

ตามการเชื่อมโยงผลทางกฎหมาย เท่ากับลาก “ผู้นำคนสุดท้องตระกูลชินฯ” ในฐานะผู้ถือหุ้นหลักของสนามกอล์ฟปัญหามรดกของตระกูล สุ่มเสี่ยงติดเงี่ยง “จริยธรรม”

และนั่นก็เป็นคำตอบ ที่มาที่ไปของเกมถอนแค้น “นายใหญ่” กดปุ่มเร่งเครื่อง นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ลุยบี้การรถไฟฯ ยึดอาณาจักรเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ของตระกูลชิดชอบ

วงปาร์ตีมาม่า เมนูบะหมี่ ในคฤหาสน์จันทร์ส่องหล้า ไม่อาจกลบอาการ “ไม่กินเส้น”

สถานการณ์รัฐบาลผสมสูตรพิสดาร ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมไม่ได้วิ่งเลนเดียวกัน มันจึงไม่อาจประกันจุดหมายปลายทางอย่างที่ “นายใหญ่” และทีมเพื่อไทย การันตี “นายกฯอิ๊งค์” ครบเทอมชัวร์

ผูกติดกับเดิมพันกาสิโน ยังต้องลุ้นเสียว เสี่ยงไม่ถึงฝัน.

"ทีมการเมือง"

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม