เบียดซีนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ วันที่ 1 ก.พ.2568 กร่อยลงทันตาเห็น
สื่อหลัก สื่อโซเชียล เบนเข็มจับตาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ ครม. มีมติเห็นชอบหลักการไปช่วงต้นสัปดาห์
เกาะติดผุดอาณาจักรแสนล้าน ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่ขายพ่วงการตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ดึงเงินใต้ดินมาอยู่บนดิน
ไฟต์บังคับบีบพรรคเพื่อไทยลุยไฟปมล่อแหลมในความรู้สึกประชาชน แลกการหารายได้ก้อนมหึมาเข้าประเทศในยามที่แผนกู้วิกฤติเศรษฐกิจไม่ได้ตามเป้า
ยอมเจ็บตัวฝ่าดงก้อนหินที่มีแรงต้านทั่วสารทิศ แม้กระทั่ง 2 หน่วยงานหลักรัฐบาล อย่างคณะกรรมการกฤษฎีกาและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ยังรุมท้วงติง
ตั้งข้อสังเกตร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ปักหมุดชัดเจน ต้องการหารายได้ เข้าประเทศ หรือแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และอาจไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมาก อย่างที่คาดการณ์ไว้
ท่าที 2 หน่วยงานหลักด้านกฎหมายและเศรษฐกิจ แม้ไม่ถึงขั้นขัดขา แต่ก็แอบดึงชายเสื้อเตือนสติ
แต่ที่ออกแอ็กชันต้านเต็มแรงคือ ฝ่ายค้าน ทั้งพรรคประชาชน พรรคไทยสร้างไทย เป็นห่วงประเทศไทยจะเป็นแหล่งฟอกเงินยาเสพติด และกลุ่มทุนสีเทาผ่านช่องทางตั้งบ่อนพนันถูกกฎหมาย กลายเป็นฮับแหล่งอบายมุขและการฟอกเงิน
แฉมีการวางแผนแบ่งเค้กบ่อนกาสิโนระหว่างกลุ่มทุนใหญ่ต่างชาติและทุนใหญ่ในประเทศ ตั้งคำถามตัวโตๆ ถึงการให้สัมปทานบ่อนกาสิโนจะมีความโปร่งใสแค่ไหน ขณะที่ภาคประชาสังคมก็ตั้งป้อมล่าชื่อประชาชนแสดงจุดยืนคัดค้านไม่เอากาสิโน
เพื่อไทยโดนโจมตีหนัก แฝงเกมตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สารพัดปมเสี่ยงลามเป็นวงกว้าง แนวโน้มเหนื่อยหนักในการเดินหน้าผลักดันโครงการ
...
ถูกโดดเดี่ยวให้ลุยไฟกาสิโนโดยลำพัง เจอฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ภาคประชาสังคมตั้งป้อมค้านหัวชนฝา ไม่ต่างจากอาการเพื่อนร่วมรัฐบาลที่แสดงท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ พรรครวมไทยสร้างชาติ ขอนำเรื่องหารือในที่ประชุมพรรค เล่นบทแทงกั๊ก รอดูทิศทางลม
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย แม้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะออกปากสนับสนุน บิ๊กโปรเจกต์พรรคแกนนำรัฐบาล แต่ในทางปฏิบัติกลับมีพฤติกรรมชวนระแวง
ตามปมชวนให้เอะใจที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เซ็นคำสั่งให้เร่งเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ก่อนพ้นตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ชงเรื่องให้กรมที่ดินดำเนินการนำกลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์
ข้อพิพาทที่ดินอัลไพน์เงียบไปพักใหญ่ แต่จู่ๆถูกลากมาเขย่า ในช่วงที่การตั้งบ่อนถูกกฎหมายกำลังถูกจับตามอง แม้แต่ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ยังคาใจที่ปมร้อนกลับมาปะทุใหม่
คลับคล้ายคลับคลาเกมแฝงเหลี่ยม เล่นงาน “นายกฯอิ๊งค์” ให้เสี่ยงติดกับดักนิติสงคราม ในฐานะเคยถือครองหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ ก่อนโอนหุ้นให้คนในครอบครัวในช่วงเข้ารับตำแหน่งนายกฯ
อย่างที่ “เสี่ยหนู” ส่งสัญญาณแปร่งๆ ปลายทางคงหนีไม่พ้นการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินอัลไพน์เป็นโมฆะ นำกลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ ตามแนวทางที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยระบุไว้
ออกลูกขู่ เอาแน่เพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเจ้าปัญหา
เหลือแค่รอให้รองปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้มีอำนาจเด็ดขาด ตามกฎหมาย พิจารณาลงดาบเพิกถอนในขั้นตอนสุดท้าย
เกมต่อรองอำนาจของค่ายน้ำเงินที่คุมแต้มต่อการเพิกถอนที่ดินอัลไพน์เหนือค่ายแดง
บีบนายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะคนคุมเกมในรัฐบาลตัวจริง ให้กางโต๊ะเจรจาเกลี่ยดุลอำนาจ “เพื่อไทย–ภูมิใจไทย” ระลอกใหม่
จัดสรรปันส่วน เกมต่อรองดุลอำนาจขุมทรัพย์เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ให้ลงตัว รวมถึงปมที่ดินเขากระโดง
แม้จะมีฐานะเป็นพรรคอันดับ 2 ในรัฐบาล แต่ก็เป็นผู้คุมเกมกดไฟเขียวในชั้น สว. หากร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร ผ่านมาถึงด่านวุฒิสภา
จำเป็นต้องดีลผลประโยชน์ให้พอใจด้วยกันทุกฝ่าย ห้ามใครกินรวบฝ่ายเดียว ตามเส้นทางร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ยังหืดจับ ต้องขับเคี่ยวฝ่าฟันอุปสรรคอีกยาว
ขึ้นอยู่กับเกมเจรจาต่อรองอำนาจ จะทำให้ลุล่วงหรือล้มโต๊ะ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม