คำว่า “กลอนพาไป” ความหมายหนึ่งในมุมของแวดวงนักเขียนนักกวีว่าด้วยเชิงวิชาการ ก็คือแต่งกลอนจากความ “ผุดคิด” ของผู้เขียนบทประพันธ์ที่อาจมีมุมมองแตกต่างกันไป คนเขียนอาจนำคติ ข้อคิด หรืออารมณ์ขัน สอดแทรกเอาไว้ตาม สมควรด้วยมุมมองหนึ่ง ผู้อ่านผู้รับสื่ออาจมีมุมมองที่เหมือนหรือต่างกันก็ได้
แต่ลีลา “กลอนพาไป” ในอีกมุมหนึ่ง เป็นความหมายที่เข้าใจกันได้ในแวดวงนักปราศรัย เรื่องปกติตามวิถีการเมืองแบบไทยๆ ที่บรรดานักการเมืองฝีปากกล้า เน้นการใช้สำนวนโวหาร บนเวทีปราศรัยเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ กระตุ้นกองเชียร์ ยิ่งดุเด็ดเผ็ดมัน ยิ่งเรียกคนดู สะอกสะใจแฟนคลับเรียกคะแนนนิยมจากผู้สนับสนุน
และมีหลายกรณีที่ “กลอนพาไป” แทนที่จะสร้างคุณ กลับให้โทษกับนักการเมืองฝีปากกล้า จากดาวรุ่งกลายเป็นดาวร่วงในชั่วพริบตา ตัวอย่างนักการเมืองดังบางคนเคยถึงขั้นต้องโทษ ติดคุกติดตะราง เพราะลีลา “กลอนพาไป” ไม่ยั้งปาก พลาดเข้าเงี่ยงคมกฎหมายหมิ่นประมาทหรือหนักข้อถึงขั้นหมิ่นสถาบัน กลายเป็นเรื่องครึกโครม
อารมณ์พลาดพูดไวโดยไม่คิด ไม่ทันนึกถึงประโยคอมตะของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ยึดถือคติก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด แต่หลังพูด คำพูดจะเป็นนายเรา ไม่อาจแก้ไข กลายเป็นปมที่มัดคอตัวเอง โดย เฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนที่พูดมีสถานะทางอำนาจ คำพูดให้คุณให้โทษยิ่งมีน้ำหนักหลายเท่ากว่าคนธรรมดา
ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ เกิดดราม่า ต้นเหตุจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ตัวเรียกคะแนนให้พรรค ปราศรัยบนเวทีหาเสียงนายก อบจ.เชียงราย ไม่พลาดโชว์วิชัน สไตล์คิดใหม่ ทำใหม่ ขายฝันความคิดด้านซอฟต์พาวเวอร์ ปั้นนางแบบหน้าไทยๆเฉิดฉายบนแคตวอล์กระดับโลก
...
โดยเปรียบเทียบกับคนแอฟริกาในทำนองว่าตัวดำก็ดำ ดั้งก็แหมบจนหายใจแทบไม่ออก แต่ก็ยังมีคนจ้างไปเป็นนางแบบระดับโลก เดินแบบทีได้เป็นล้าน แต่คนบ้านเราหน้าตาดีกว่าไม่ต้องไปเสริมจมูกเสริมดั้ง ต่อไปจะคัดเอาคนบ้านเราที่เป็นธรรมชาติคนไทย ใครบุคลิกดีๆ ถูกฝึกดี ก็ส่งไปเป็นนางแบบระดับโลก
แต่คำพูดที่ฟังดูธรรมดาๆกลับถูกแปลความเป็นการเหยียดผิว ตามอารมณ์อย่างที่นางอังคณา นีละไพจิตร สว.นักสิทธิมนุษยชนคนดัง เรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เตือนให้ระวังการพูดที่ไม่เหมาะสม งานนี้แม้อดีต นายกฯไม่มีได้เจตนาแต่ก็ยังถูกจับโยงเรื่องสิทธิมนุษยชน ดังนั้นพูดบนเวทีปราศรัยต้องระวังปมสุ่มเสี่ยง.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม