“อนุทิน” เบรกกระแสพรรคอันดับสองขี่คอแกนนำ การันตีไม่ต้องกังวลเกมชิงนายกฯระหว่างเทอม แต่เลือกตั้งปี 70 คิดบวกตั้งเป้าใหญ่โกย สส. 251 เสียง ขึ้นชั้นแกนนำ พท.เร่งปั่นผลงานดันกฎหมายเพื่อประชาชน “ชูศักดิ์” ชงฟาสต์แทร็กลดขั้นตอนดัน พ.ร.บ.16 ฉบับเข้า ครม.ในสมัยประชุมนี้ ดิ้นแก้ รธน.มาตรา 256 ตั้ง ส.ส.ร.จัดทำ รธน.ใหม่ตามสัญญาให้เสร็จทันรัฐบาลหมดวาระ “อ้วน” ถอยกระตุกหนวดทหาร ทบทวนร่าง พ.ร.บ.กลาโหม “ณัฐพงษ์” ลั่น เวทีซักฟอกของฝ่ายค้านจะเป็นแว่นขยายรอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาล ยุ “อิ๊งค์” ควรโชว์บทบาทนายกฯตัวจริง บี้ พท.กล่อมพรรคร่วมฯดันแก้ รธน. “โรม” เย้ย “ภูมิธรรม” ไร้บารมีคุมกองทัพ “บัญญัติ” ชี้ปี 68 รบ.อ่วมการเมืองร้อนรุมเร้า คนต่อต้านอึดอัดจุดม็อบลงถนน-พรรคร่วมฯ เล่นเกมชิงไหวชิงพริบ

เสถียรภาพรัฐบาลและสถานการณ์การเมืองปี 2568 เป็นเป้าจับตาของหลายฝ่าย ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุพรรค ภท.ตั้งเป้าการเลือกตั้งในปี 2570 พรรคจะเติบโตก้าวกระโดดอยากได้ สส.251 ที่นั่ง แต่ยืนยันระหว่างกลางเทอม ไม่ต้องมีใครกังวลจะเกิดเหตุแย่งชิงตำแหน่งนายกฯ

“อนุทิน” มั่นใจ ภท.ผงาดโตไม่หยุด

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเป้าหมายของพรรค ภท.ว่า เราเอาผลงานเข้าแลก ผ่านสโลแกน “พูดแล้วทำ” สิ่งที่ไม่ได้พูดก็ทำ ไม่ได้ดีแต่พูด เป็นเครดิตประชาชนเชื่อถือจับต้องได้ ให้คะแนนด้านปฏิบัติ แม้พูดไม่ค่อยเก่ง พูดไม่ค่อยเพราะ เอาใจคนไม่ค่อยเป็น ภท.เป็นพรรคปฏิบัติการ ทำตามหน้าที่ และไม่ใช่พรรคท้องถิ่นแล้ว แต่เป็นพรรคที่มีผู้แทนฯจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ แต่ในพื้นที่กรุงเทพฯไม่ใช่พื้นที่แข็งแรงของพรรค เมื่อถามว่าพรรค ภท.โตขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้มีกระบวนการอื่นพยายามขัดขวาง นายอนุทินตอบว่า ยิ่งขวางยิ่งโต เดี๋ยวนี้การสื่อสารกระจายข่าวหรือฝ่ายจ้องทำลาย ไม่ได้ทำได้อยู่ฝ่ายเดียว ชี้แจงได้ ทุกคนรู้เท่าทันกันหมด หากเรามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องกลัว พิสูจน์ได้ด้วยหลักฐาน แต่ถ้าใครทำผิดเตรียมตัวตาย พรรค ภท.ยึดอย่างเดียวว่าหากใครไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องกลัว แต่ใครทำผิดตัวใครตัวมัน ไม่ต้องมาขอให้ช่วย แม้แต่คนในพรรคทุกคนต้องปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

...

หยุดกังวลชิงนายกฯระหว่างเทอม

เมื่อถามถึงเป้าหมายตัวเลข สส.ของพรรคภูมิใจไทยศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป นายอนุทินตอบว่า คงอยากได้ สส. 251 เสียง แต่ทำได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เท่าที่ผ่านการเลือกตั้ง 2 ครั้งเติบโตเกือบเท่าตัวมาโดยตลอด ไม่ว่าจะใช้บัตรใบเดียวหรือสองใบ การเลือกตั้งปี 70 น่าจะเติบโตกว่านี้ ต้องคิดเป็นบวกไว้ก่อน เมื่อถามว่า ในอนาคตคาดหวังเป็นพรรคแกนนำหลัก เป็นนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ หรือเป็นพรรคตัวแปร นายอนุทินตอบว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะเมื่อถึงการเลือกตั้ง ทุกพรรคเสนอผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกฯ รวมถึงพรรค ภท.ที่เสนอชื่อหัวหน้าพรรคมาตลอด เมื่อถึงการเลือกตั้งต้องนึกเสมอว่าหากเป็นนายกฯ ประเทศไทยจะได้อะไรจากพรรคภท. แต่ระหว่างกลางแบบนี้ ไม่ต้องมีใครกังวลเพราะมันจบเป็นครั้ง เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็มาสู้กัน

รบ.เพื่อไทยเร่งปั่นคลอด ก.ม.เพื่อ ปชช.

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอกฎหมายต่อสภาฯในนามรัฐบาลว่า รัฐบาลจะขับเคลื่อนนโยบายด้านนิติบัญญัติ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดจัดทำกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล มีตนเป็นประธาน ลิสต์รายชื่อกฎหมายจำเป็นเร่งด่วน 16 ฉบับเสนอคณะรัฐมนตรีเร่งรัดแบบ fast track เร่งกระบวนการขั้นตอนให้เร็วขึ้นทั้งในชั้นยกร่าง สำนักเลขาธิการนายกฯ กฤษฎีกาและวิปรัฐบาล เช่น พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการประชาชน พ.ศ...(ก.พ.ร.เจ้าภาพ) พ.ร.บ.ตั๋วร่วม(คมนาคมเจ้าภาพ) พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (กระทรวงคลังเจ้าภาพ) พ.ร.บ.ส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (กระทรวงการคลังเจ้าภาพ) เป็นต้น ทั้งหมดจะเร่งรัดให้เข้าสภาในสมัยประชุมนี้

หาช่องแก้ 256 ดัน รธน.ใหม่ทัน รบ.นี้

นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า นโยบายจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ล่าสุดได้รับการประสานจากประธานรัฐสภาว่าจะใช้อำนาจบรรจุร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1ให้มี ส.ส.ร.ที่พรรคประชาชน (ปชน.) เสนอ และประสานขอให้พรรค พท.และอื่นๆ เสนอด้วย เพื่อจะได้พิจารณาไปพร้อมกัน ถ้าทำได้สำเร็จจนแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และมี ส.ส.ร.จะนำไปสู่การทำประชามติเพียง 2 ครั้ง อาจทำให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันก่อนรัฐบาลชุดนี้หมดวาระ โดยพรรค พท.จะนำหารือในที่ประชุมพรรควันที่ 7 ม.ค.นี้

“อ้วน” ถอยทบทวน พ.ร.บ.กลาโหม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกล่าวถึง ภาพรวมการทำงานที่กระทรวงกลาโหมว่า ยอมรับตอนเข้ามายังมีพื้นฐานความเข้าใจกองทัพไม่ลึกซึ้งเพียงพอ แต่ได้เรียนรู้ทำความเข้าใจโครงสร้างและปัญหาต่างๆ กองทัพที่เคยมองตั้งแต่เป็นนักศึกษาถึงปัจจุบัน เราเห็นอีกด้านหนึ่ง วันนี้มาเห็นอีกแบบ มายด์เซตไม่ตรงกัน พยายามปรับให้เข้ากัน เชื่อว่าการพบกับผู้นำเหล่าทัพ ปลัดกลาโหมและ รมช.กลาโหม สร้างความเชื่อมั่นต่อกันได้ ในอดีตฝ่ายประจำหรือฝ่ายการเมืองมักมีอะไรขัดแย้งกันเสมอ แต่ที่เริ่มต้นมาคุยกันไม่มีปัญหา ทุกอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ทันทีหรือทีเดียว ต้องอาศัยเวลา ช่วงที่มีกระแสแก้ไขร่าง พ.ร.บ.กลาโหม ทหารเป็นห่วง เช่น การห้ามปฏิวัติ ไม่ต้องห้ามรัฐธรรมนูญห้ามอยู่แล้วและเขาไม่ได้คิดอยากจะทำ แต่ถ้าจะทำคงจำเป็นต้องทำเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ปัญหาคือต้องช่วยกันรอบด้านไม่ให้มีการปฏิวัติ และทหารยังกังวลใจไม่เห็นด้วยกับการโยกย้ายทหาร โดยเฉพาะถ้ารู้ว่าคนนี้จะเกี่ยวข้อง กับการปฏิวัติ ผิดหลักเกณฑ์การบริหารกองทัพ เรื่องนี้ คงต้องทบทวน ในที่ประชุมกลั่นกรองที่ตนเป็นประธาน ให้กลับไปกรองดูว่าเรื่องใดทำได้ทำไม่ได้บ้าง

“เท้ง” ลั่นฝ่ายค้านแว่นขยายรอยร้าว รบ.

ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงภาพรวมการทำงานของรัฐบาลว่า พรรคร่วมรัฐบาลเกิดจากการตกลงผลประโยชน์ร่วมกัน แต่พรรค พท.ไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ หลายครั้งที่พรรค ภท.ไม่เห็นด้วย จนไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ เกิดจากการจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว เมื่อถามว่า ปี 68 มีโอกาสที่รอยร้าวของพรรคร่วมฯจะขยายขึ้น ถึงขั้นสั่นคลอนหรือล้มลงได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า มีโอกาสมาก เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ฝ่ายค้านจะเป็นแว่นขยายทำให้เห็นรอยร้าวได้ชัดเจนมากขึ้น เรื่องนี้รัฐบาลจัดการยาก ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่เต็มที่ อีกประเด็นที่สำคัญคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผลักดันได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพรรค ภท.ด้วย

เสี้ยม “อิ๊งค์” ควรเป็นนายกฯตัวจริง

เมื่อถามว่าบทบาทนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ช่วงหลังมีสูงมาก หลายคนเปรียบเทียบว่าเป็นนายกฯตัวจริง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า คงเดินหน้าตรวจสอบเต็มที่ อยากเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ควรต้องเป็นนายกฯตัวจริงมากกว่า แต่ว่าการแสดงออก พฤติกรรมที่ผ่านมา ไม่ว่าหลีกเลี่ยงการตอบกระทู้ถามสด ไม่เป็นประธานที่ประชุม กพช.หรือหลีกเลี่ยงตอบคำถามสื่อ สื่อถามแบบหนึ่ง ตอบอีกแบบหนึ่ง ทำให้พวกเราตั้งข้อสงสัยว่าไม่ใช่นายกฯตัวจริง รวมถึงลอยตัวหนีปัญหา อาจขาดคุณสมบัติการเป็นนายกฯ สำคัญที่สุดตอนนี้หากน.ส.แพทองธารอยากจะได้ความมั่นใจจากประชาชนกลับมาว่าเป็นนายกฯตัวจริง ต้องยอมตอบคำถามตรงไปตรงมา แสดงความรับผิดรับชอบต่อสภาฯ

จี้ พท.กล่อมพรรคร่วมฯแก้ไข รธน.

เมื่อถามว่านายทักษิณปราศรัยหลายเวทีกระทบพรรค ปชน. ทำงานไม่เป็น ด่าเก่ง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ต้องพิสูจน์จากการทำงานหนัก มุมมองนายทักษิณอาจคิดว่าพรรค ปชน.ไม่เคยบริหารจริงๆ แต่อย่างน้อย นอกจากจำนวนกฎหมายที่พรรคเสนอมากที่สุด สิ่งที่เห็นชัดเรื่องการชะลอการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน เราสะท้อนต่อสังคมและเกิดผลได้จริง ในปี 68 ยังมีอีกหลายวาระที่อยากผลักดันต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่พรรค ปชน. อยากผลักดันพรรคเดียว ถ้าพรรค พท.เห็นด้วย ต้องผลักดันต่อ รวมถึงการพูดคุยกับพรรคร่วมฯให้เอาด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงวาระ 1 ต้องอาศัยเสียง สว.1 ใน 3 เช่นเดียวกัน

“โรม” หยัน “อ้วน” ไร้บารมีในกองทัพ

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. กล่าวถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปีหน้าว่า รัฐบาลทำสิ่งผิดพลาดหลายเรื่อง หลายอย่างไม่น่าให้อภัย ยาเสพติดจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ว่ายังรุกล้ำแดนอยู่เลย รัฐบาลไม่ยอมตอบให้ชัดเจนจะแก้ปัญหาอย่างไร เข้าใจว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม อาจไม่มีบารมีในกองทัพที่จะดำเนินการหรือไม่ แก้ปัญหาว้าไม่แน่ใจเหตุใดปล่อยคาราคาซัง อย่าดีแต่พูด ภาวนาว่าปีหน้ารัฐบาลจะทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้ อยากเห็น 4 ลูกเรือไทยที่ถูกเมียนมาจับไปถูกปล่อยตัวเร็วที่สุด อยากเห็นการแก้ปัญหายาเสพติดจริงๆ เราต้องการชี้แนะและตั้งคำถามว่าที่ผ่านมาล้มเหลวอย่างไร ถ้ารัฐบาลเอาชนะคำถามฝ่ายค้านได้ ผลดีจะตกสู่ประชาชน ขอให้ปี 68 เป็นรัฐบาลที่ดีกว่านี้ หวังว่าประโยชน์จะตกอยู่กับคนไทยจริงๆ

“บัญญัติ” ชี้ปี 68 ปีแห่ง “ความรุ่มร้อน”

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปี 68 ว่า ปี 68 จะเป็นปีแห่งความรุ่มร้อนและร้อนรุ่ม ด้วย 3 เหตุผลคือ 1.การเมืองปี 67 ร้อนกันอยู่แล้ว ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ซ้ำยังเกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วเหนือ กลาง ใต้ แต่รัฐบาลยังมุ่งใช้นโยบายประชานิยมเน้นแจกเงินเฉพาะหน้า ไม่ได้แก้ที่รากฐานยั่งยืน เศรษฐกิจไทยปี 68 ยังหวังอะไรไม่ได้ 2.ปัญหาสังคมจะรุมเร้ารัฐบาลจนรุ่มร้อน คนจะอึดอัดโดยเฉพาะผู้ตื่นตัวทางการเมืองคือความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ น่ากลัวมากที่สุด กรณีกรมราชทัณฑ์ในคดีนายทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ ส่วนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ คาราคาซังมานาน จะบานปลายมากน้อยแค่ไหน ที่ดินอัลไพน์มีคนยื่นให้องค์กรอิสระตรวจสอบแล้วถือว่าน่ากลัว

ขยี้ปม MOU44 ซ้ำรอยเขาพระวิหาร

นายบัญญัติกล่าวว่า กรณี MOU 44 ไทยกับกัมพูชา น่าห่วงคำพูดของคุณทักษิณ ที่ระบุว่าหากการปักปันหรือแบ่งเขตพื้นที่ทับซ้อนยังมีปัญหา ให้ไปตกลงแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเลกันเสียก่อน ยิ่งทิ้งเวลาไว้นานจะยิ่งไร้คุณค่า อนาคตคนจะหันไปให้พลังงานบริสุทธิ์มากขึ้น และยิ่งหากจะให้ไปแบ่งผลประโยชน์แบบ 50 : 50 มันทำไม่ได้ ฝ่ายออกมาต่อต้านมีเหตุผล เพราะเรียกร้องให้จัดการพื้นที่เขตทับซ้อนไหล่ทวีปให้เสร็จเสียก่อนจะไปแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรทางทะเล และยิ่งถ้าแบ่งเขตพื้นที่ได้ตรงไปตรงมาเชื่อว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของทรัพยากรในพื้นที่จะเป็นของไทย แต่ถ้าจะแบ่งกันแบบ 50 : 50 หรือ 60 : 40 สังคมไทยจะคัดค้าน หากไปตกลงแบ่งทรัพยากรกันก่อนจะดูเหมือนเรายอมรับการอ้างสิทธิของฝ่ายกัมพูชามีมูล หลายคนเกรงว่าหากปล่อยไว้นาน ไทยจะเจอกฎหมายปิดปากแบบคดีเขาพระวิหารเช่นในอดีต

ม็อบลงถนน พรรคร่วมฯชิงไหวชิงพริบ

นายบัญญัติกล่าวต่อว่า ยังมีหลายเรื่องที่ร้องเรียนต่อองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช.ที่จะผุด ปะทุในปี 68 สังคมไทยจะรุ่มร้อนเหลืออดเหลือทนจนต้องลงถนน ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลจะลดลงต่อเนื่อง แม้รัฐบาลจะมีเสียงมากก็จริง แต่ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันแท้จริงไม่มี ระยะหลังมีการช่วงชิงความได้เปรียบระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พรรคอันดับ 2 ใช้เกมช่วงชิงอำนาจ กดดันพรรคแกนนำพ้นจากการเป็นผู้นำ เกมนี้จะร้อนแรงตลอดปี 68 แน่นอน รวมถึงการช่วงชิงเลือกตั้งนายก อบจ. วันที่ 1 ก.พ.68 จะตอกย้ำความกินแหนงแคลงใจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ที่น่าอันตรายกับการพัฒนาประชาธิปไตยคือการช่วงชิงท้องถิ่นของบ้านใหญ่ ให้เข้ามาค้ำจุนเสถียรภาพของรัฐบาล ฝ่ายค้านจะมีบทบาทมากขึ้น เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 มั่นใจว่าบทบาทฝ่ายค้านปีหน้าน่าดูชมพอสมควร ทุกพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่อยากรีบเลือกตั้งใหม่ ต้องประคองกันให้อยู่ครบ 4 ปี จะได้เก็บทรัพยากรให้ได้มากที่สุด ส่วนบทบาทนายทักษิณมีคนชื่นชมมาก แต่ก็มีคนเกลียดไม่น้อย คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ พอขับเคี่ยวกันหนักๆ จะหยิบยกพฤติกรรมในอดีตและความล้มเหลวในระบอบทักษิณมาพูดให้สังคมรับรู้มากขึ้น

“วันนอร์” ส่งใจทุกฝ่ายพาชาติรอด

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ กล่าวคำอวยพรเนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ ปี 68 ว่า ขออำนวยพรให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีความสุข สุขภาพพลานามัยแข็งแรง แคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวง ขอส่งกำลังใจให้ประชาชนที่ปีนี้มีภัยพิบัติน้ำท่วม ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอื่นๆค่อนข้างมาก ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ช่วยเหลือ แม้อาจจะช้าไปบ้าง เพราะปีนี้น้ำท่วมใหญ่ มากที่สุดในรอบ 50 ปีและมาเร็ว ความเสียหายเกิดขึ้นมากเป็นธรรมดา แต่รัฐบาลให้นโยบายและมีมาตรการ เยียวยา ทั้งบ้าน ครอบครัวที่ถูกน้ำท่วมและอาชีพต่างๆ รัฐบาลจะเยียวยาให้ ฝ่ายนิติบัญญัติขอให้กำลังใจทุกคนในปีต่อๆไป มีกำลังใจแก้ไขภัยจากธรรมชาติ ที่อาจมีเช่นเดียวกับปีนี้ ขอให้เรามีกำลังใจช่วยกันคนละไม้คนละมือ นำพาประเทศชาติไปรอดและปลอดภัย

“มงคล” ให้ข้อคิดรู้ประนีประนอม

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภากล่าวถึงการทำหน้าที่ประธานวุฒิสภาว่า จะทำตัวเป็นผู้รับใช้ สว.ทุกคน รับฟังความคิดเห็น ประนีประนอมทุกคน ไม่ให้เกิดความแตกแยกในสภาฯ หาข้อสรุปที่ดีที่สุด หาทางออกให้ประเทศ ยึดหลักการและทำตัวเช่นนี้มาตลอด ชีวิตตนอยู่บนความขัดแย้งมาตลอด เป็น อดีตข้าราชการฝ่ายปกครอง มักเจอคนในแต่ละหมู่บ้าน ชุมชน หรือกลุ่มบุคคล เช่น ปัญหาสร้างเขื่อน แต่การแก้ปัญหาความขัดแย้ง หากใช้ความรุนแรงแก้ปัญหามักสูญเสียตลอด ต้องประนีประนอมเท่านั้น ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ขอส่งความ ปรารถนาดีถึงประชาชนในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ให้มีความรักความสามัคคี เอื้ออาทร มีเหตุผล ประนี ประนอมกัน ให้ทุกคนได้รับชัยชนะร่วมกัน เพราะประวัติศาสตร์ทุกสมัย ไม่มีผู้ชนะในความแตกแยก ความก้าวร้าว ดูหมิ่นเหยียดหยาม ด้อยค่าความคิด จะลดคุณค่าของตนเอง นำไปสู่ความแตกแยก

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่