คณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำที่มีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชน มีมติ ในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ในวันที่ 1 ม.ค.2568 จำนวน 4 จังหวัด และอีก 1 อำเภอ โดยคำนวณความเหมาะสมกับค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับต้นทุนการผลิตมากเกินไป ใน 4 จังหวัดที่ว่า ได้แก่ ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และ เกาะสมุยสุราษฎร์ธานี ในจำนวนนี้ ฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับ กทม.นิดเดียว ถ้าเปรียบเทียบกับ กทม.และปริมณฑลอีก 6 จังหวัด ที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 380 บาท ไม่ว่าจะเป็นขนาดและความเติบโตทางเศรษฐกิจ ฉะเชิงเทรา เล็กกว่า กทม.และปริมณฑลเยอะ อาจเป็นจังหวัดติดต่อภาคตะวันออกที่ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมที่มีจำนวนมาก มองอีกแง่เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการและจูงใจให้มีแรงงานหมุนเวียนเข้ามาทำงาน ไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน

สรุปว่า การพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเที่ยวนี้ ไม่ได้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ที่ประกาศจะกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ทำได้แค่ 4 จังหวัด และอีก 1 อำเภอเท่านั้น เฉลี่ยมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ร้อยละ 2-2.9 ในจังหวัดอื่นมีการปรับขึ้นจากเดิม 7-55 บาท คิดเป็นสัดส่วนที่แตกต่างกันมาก

จะเกิดดราม่าใดๆในกระบวนการขึ้นค่าแรงตั้งแต่ระดับกรรมการไตรภาคี จะมีการวิเคราะห์ว่าระหว่างแรงงานไทยกับแรงงานต่างด้าวใครจะได้ประโยชน์ ส่วนใหญ่แรงงานไทยก็ไม่ค่อยชอบงานกลางแจ้ง ประเภทหนักไม่เอาเบาไม่สู้เสียด้วย ดังนั้นจะไปตำหนิคณะกรรมการค่าจ้างหรือรัฐบาลก็ไม่ตรงจุดเสียเลยทีเดียว

เรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ เป็นปัญหาเส้นผมบังภูเขา ค่าตอบแทนกับประสิทธิภาพการทำงาน จะสอดคล้องกันโดยอัตโนมัติ แรงงานภาคฝีมือที่มีทักษะ ไม่มีปัญหาเรื่องค่าแรง ซึ่งรายได้มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำมาก ผู้ประกอบอาชีพอิสระมีรายได้มากกว่ามนุษย์เงินเดือนมาก สรุปแล้วอยู่ที่ประสิทธิภาพของผู้ใช้แรงงานมากกว่า การพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำ จึงจะต้องมีเรื่องของการพัฒนาทักษะแรงงานและสวัสดิการภาคแรงงาน โดยเฉพาะการศึกษากับสาธารณสุข

ไม่ใช่วัดกันที่ ตัวเลขอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เท่านั้น จากปัญหาเศรษฐกิจก็จะลามไปถึงปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะยาเสพติดกับการพนัน ในทางเศรษฐศาสตร์ ยาเสพติดกับการพนัน เป็นต้นเหตุให้เม็ดเงินหายไปจากระบบและไปอยู่ใต้ดินจำนวนมาก ยิ่งเข้มงวดกับ การฟอกเงิน มากเท่าไหร่เงินก็จะหายไปจากระบบเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นบ่อเกิดของ หนี้ภาคครัวเรือน ส่วนใหญ่ รัฐบาลควรจะหันมาแก้ปัญหาที่ต้นตอ เพราะส่งผลกระทบกับสังคมและระดับครัวเรือนอย่างมาก ข้อเสียของนโยบายรัฐบาลคือคิดโครงการแค่ต้นน้ำไม่คำนึงถึงผลลัพธ์กลางน้ำและปลายน้ำ การดำเนินโครงการตามนโยบายจึงไม่ประสบผลสำเร็จครึ่งๆกลางๆ

...

ส่วนภาคการเมืองเป็นของอนุรักษ์เก่าแก่ รอไปตายเอาดาบหน้า.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th 

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม