ไม่ต่างไปจากมวยได้ใจจากไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งที่อุบลฯและอุดรฯแล้วปรากฏชนะทั้ง 2 จังหวัดพอไปช่วยที่เชียงใหม่บ้านเกิด
ก็เลยโชว์อวดทุกรูปแบบจนมองดูกร่างด้วยซ้ำไป
เพราะพื้นที่นี้ “เพื่อไทย” เสียหน้ามาแล้วจากการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา เพราะถูกพรรคก้าวไกล (ประชาชน) คว้า สส.ไปได้ถึง 7 คน
เสียหน้าเสียฟอร์มเสียเหลี่ยมเป็นที่สุด
ดังนั้น การไปช่วยหาเสียงครั้งนี้ จึงต้องแสดงทุกอย่างให้ปรากฏว่า “ทักษิณ ชินวัตร” เหนือกว่าทุกมิติเพื่อให้คนเชียงใหม่หันกลับมาเหมือนเดิม
เขาบอกว่า นอกจากต้องชนะนายก อบจ.แล้วยังต้องได้ สส.ครบทุกเขต
เพราะถ้าแพ้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหน เพราะเท่ากับทำให้ไร้ความศักดิ์สิทธิ์ไปทันที ขาดความนิยมไปทั้งหมด
นอกจากขึ้นเวทีหาเสียงวันละ 2-3 รอบหลายเวทีแล้ว ยังอวดตัวว่ามีความสามารถข้ามประเทศที่จะแก้ปัญหาได้ด้วย
แน่นอนพรรคการเมืองคู่แข่งคือพรรคประชาชนจึงเป็นเป้านิ่งที่ถูกยกขึ้นมาเปรียบเทียบว่าสู้เขาและเพื่อไทยไม่ได้
ก็แค่พรรคที่ชอบด่า ชอบคุย แต่ทำไม่เป็น
คือดิสเครดิตที่ไม่มีราคาแม้แต่น้อย!
อีกทั้งยังกราดไปถึงบรรดา “ขาประจำ” ที่จ้องเล่นงานเขาว่า ไม่มีทางทำอะไรเขาได้และย้ำด้วยว่า พวกที่เล่นงานจะต้องถูกเล่นงานกลับแน่ “เขาไม่หมู” ที่จะมาถล่มกันได้ง่ายๆ
นี่เป็นส่วนหนึ่งของฟากฝ่ายตรงข้าม!
แต่อีกฟากหนึ่งคือ พวกเดียวกันโดยเฉพาะรัฐบาล “ลูกสาว” ที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็ชมไม่หยุดปาก ยังการันตีด้วยว่าอยู่ครบเทอมแน่
ปีหน้าที่ใครว่าจะยุ่งก็แค่เรื่องที่พวกอิจฉาสร้างเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล บอกด้วยว่าเรื่อง “ยุบสภา” นั้นเป็นฝันลมๆแล้งๆ เพราะทุกพรรคร่วมรัฐบาลทำงานไปด้วยกันได้ดีไม่มีปัญหา
...
อีกทั้งเศรษฐกิจของประเทศก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
มุมมองที่สะท้อนภาพของ “ทักษิณ” ที่ประกาศตัวเช่นนี้ไม่ต่างไปจากนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่งที่ทับซ้อนกันอยู่
เพราะไม่ต่างไปจากการประกาศตัวว่า เขาคือผู้นำของรัฐบาลที่คิดและทำทุกอย่างได้หมด แม้พยายามที่จะเลี่ยงทำนองว่า “ลูกสาว” ก็คิดอย่างที่เขาพูดมาทั้งหมดนั่นแหละ...
สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ “ทักษิณ” เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องว่าด้วยการล้มล้างการปกครองและครอบงำพรรคการเมือง
คือผู้มีอำนาจตัวจริงนั้นถือหางเขาอยู่...
ทำให้เขาอยู่รอดปลอดภัยไม่ต้องเกรงกลัวอะไรแล้ว ขอเพียงแค่เอาชนะพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ให้ได้เท่านั้นเป็นพอ
ซึ่งการแสดงออกของเขาในวาระต่างๆย่อมทำให้พรรคร่วมรัฐบาลพบความจริงเชิงประจักษ์ว่า เขาเป็น “เด็กมีเส้น”
ทุกพรรคจึงไม่กล้าหือ ที่คัดค้านบางเรื่องก็ไม่ได้ทำให้รัฐบาลเกิดปัญหาแต่อย่างใด
นักเคลื่อนไหวการเมืองระดับอาวุโสประสบการณ์สูง จึงบอกว่า วันนี้ไม่มีใครล้ม “ทักษิณ” ได้นอกจาก “เจ้าของคอก” เท่านั้น
พูดง่ายๆว่าพวกที่ต่อต้านเขาพยายามที่จะจุด “ม็อบ” เหมือนเมื่อก่อนนั้นเป็นเรื่องที่ยากและไม่น่าจะประสบความสำเร็จได้
วันนี้มันมีมุมที่ต่างกันแล้ว
ก่อนหน้านี้ม็อบถูกโจมตีว่า “มีเส้น” แต่วันนี้ย้ายฝั่งแล้ว เมื่อสถานการณ์การเมืองได้เปลี่ยนไปคล้ายลมเปลี่ยนทิศ
ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม