“อนุทิน” น้อมรับ สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา “ภูมิใจขวาง” ลั่น ภูมิใจทำประโยชน์ให้บ้านเมือง อวย “นายกฯ อิ๊งค์” ตั้งใจทำงาน ปัดตีกอล์ฟ “ทักษิณ” เคลียร์รอยร้าวพรรคร่วม
วันที่ 23 ธันวาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่สื่อประจำทำเนียบรัฐบาลได้ตั้งฉายา “ภูมิใจขวาง” นายอนุทิน หัวเราะเบาๆ ก่อนระบุว่า ขอบคุณสื่อที่เมตตาปรานี ก็โอเค ไม่ได้ภูมิใจที่ไปขวางอะไรใคร แต่ภูมิใจที่ทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง
ส่วนคำถามว่ามองภาพรวมฉายารัฐบาล ที่สื่อมวลชนตั้ง “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีทำงานหนักจากที่เห็น เพราะได้อยู่กับท่านด้วย ไปไหนมาไหนก็ไปด้วย และมีจิตใจที่มุ่งมั่น อาจจะไม่ได้อยากมาเป็น แต่ด้วยสถานการณ์อะไรต่างๆ แต่ก็ตัดสินใจรับตำแหน่ง และไม่มองข้างหลังแล้ว จะไม่พูดแล้วว่าไม่เอาแล้ว ไม่เป็นแล้ว จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ต้องให้โอกาส ตั้งแต่นายกฯ มาเป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็เห็นความทุ่มเทและความพยายาม ซึ่งท่านมีลักษณะเป็นผู้นำ ก่อนที่นายอนุทินจะออกตัวว่านี่คนละพรรคนะ ไม่ใช่ว่าจะต้องเอาใจหรืออวยกัน เพราะก็เห็นๆ อยู่ (อ่านเพิ่มเติม : ฉายาปี 67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” นายกฯ “แพทองโพย” วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”)
ขณะที่คำถาม จะต้องมีการกำชับ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือไม่ หลังติดรายชื่อรัฐมนตรีโลกลืม นายอนุทิน ระบุว่า ผลงานมีเยอะ แต่ไม่ชอบพูด เดี๋ยวต้องไปลากออกมาพูด ไม่เหมือนกับตนเห็นนักข่าวแล้วชอบเดินเข้าหา แต่พี่อุ้ม (พ.ต.อ.เพิ่มพูน) เห็นนักข่าวแล้วชอบรีบเดินเข้าประตูข้าง ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ส่วนนายนภินทร ถามว่าโลกลืม แต่เขตของเขาไม่ลืม ประชาชนของเขาไม่ลืม รัฐมนตรีช่วยก็แบบนี้ สมัยตนเป็นรัฐมนตรีช่วยโลกก็ลืม อยู่กระทรวงสาธารณสุขลืมหมดเลย
...
นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้ต้องกำชับว่าอยู่งานการเมืองจะทำอะไรก็ต้องให้ประชาชนรับทราบ ไม่ใช่เป็นเรื่องการประชาสัมพันธ์ตัวเอง แต่เป็นการทำให้ประชาชนเกิดความสนใจ อาจเป็นประโยชน์จะได้รับผลของนโยบายที่แต่ละรัฐมนตรีได้ทำ พร้อมขอบคุณผู้สื่อข่าวที่สะท้อนได้ดี คิดว่าคงไม่มีใครอยากเป็นรัฐมนตรีโลกลืม เดี๋ยวคงต้องปรับปรุงเรื่องการให้ข่าวสารต่อสาธารณะ
นอกจากนี้ นายอนุทินในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังได้กล่าวถึงกรณีการออกรอบตีกอล์ฟกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สนามกอล์ฟชื่อดังใน จ.ปทุมธานี เมื่อวานนี้ (22 ธันวาคม 2567) มีการเคลียร์ใจกันหรือไม่ หลังมีกระแสข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยมีความระหองระแหงกัน ว่า ไม่มีอะไร ปีหนึ่งก๊วนก็นัดกันครั้งสองครั้ง และไม่มีการพูดคุยสถานการณ์การเมืองกับนายทักษิณ ดูแต่วง ช่วยกันจับ และคุยกันเรื่องในอดีต และสิ่งที่ต้องการจะเห็น เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน ความร่วมมือจะทำให้เป็นรูปธรรม สำเร็จด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเราปฏิบัติต่อกันมาด้วยดีมาตลอด
เมื่อถามว่าได้สอบถาม นายทักษิณ ประเด็นอีแอบหมายถึงใครหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ทำไมต้องไปถาม คนเราต้อง Actions speak louder than words (การกระทำสำคัญกว่าคำพูด) ส่วนประเด็นที่ นายทักษิณ ฟาดแรงหล่อเร็วไปหน่อย หลังพรรคภูมิใจไทยค้านร่าง พ.ร.บ.กลาโหม นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้คุย และไม่คุยเรื่องเก่า เพราะนายทักษิณไม่ได้หมายถึงตน ชัดเจนอยู่แล้วคนไม่มาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนั้นตนวิ่งตาลีตาเหลือก ตอนเลขาธิการนายกฯ โทรศัพท์ไปตามให้มาประชุม ครม. เพื่อสนับสนุน และร่าง พ.ร.ก.เกี่ยวกับภาษี ในวันที่ 11 ธันวาคม 2567 เพราะวันนั้นนัดหมอ ไม่ได้ไปทำหล่อหรือยิงเลเซอร์ แต่ไปตรวจติดตามหัวใจเต้นพลิ้ว เพราะเต้นเร็วกว่าปกติ ซึ่งประเด็นที่ นายทักษิณ พูดไม่ได้หมายถึงตนและพรรคภูมิใจไทยแน่นอน
นอกจากนี้ ที่พรรคเพื่อไทยออกแคมเปญ “180 วัน รอได้เพื่อรัฐธรรมนูญประชาชน อย่าเชื่ออีแอบ ล็อกสองชั้น รัฐบาลต้องลงเรือลำเดียวกัน” หลังพรรคภูมิใจไทยลงมติเห็นด้วยกับเสียงข้างมากสองชั้นนั้น นายอนุทิน เผยว่า ไม่ได้ติดใจ เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตย ต่อให้พรรคไม่เห็นด้วย ก็เป็นแนวทางของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่พอเสียงข้างมากบอกเห็นด้วย พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย แล้วไปตั้งเวทีข้างสภาฯ หรือที่ไหนไปนั่งโจมตีต่อไป เราก็ทำตามกติกา ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้ง ขอย้ำเห็นต่างกันได้ ยกตัวอย่างที่เห็นต่างกับอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยคนก่อน ถือเป็นเรื่องธรรมดา ขอแค่ทำงานให้ได้พอ และความเห็นต่างต้องไม่กระทบกับประเทศและประชาชน เพราะมาทำงานตรงนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว.