“พันตำรวจเอกทวี” แจงวง กมธ. ชี้ “ทักษิณ” ต้องแยกขังเดี่ยวเพราะเคยถูกปองร้ายคาร์บอม ซัดพวกด้อยค่ากรมราชทัณฑ์-กระทรวงยุติธรรม โวย “โรม” หันเอกสารรักษาตัวหันหาสื่อฯ บอกห้ามถ่ายเป็นเอกสารลับ ขณะที่ “ประยุทธ์” เดือดแทน ไล่ไปใช้บริการ “ทวี” ติดคุกเหมือนทักษิณ
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม เป็นประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เพื่อพิจารณาระบบความยุติธรรม กรณีที่ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
โดยพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการ ว่า ในช่วงที่ตนเข้าสู่คณะรัฐมนตรี และเดินเข้ากระทรวงเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 กรณีของนายทักษิณ ได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนที่ตนจะเป็นคณะรัฐมนตรี และนายทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 เอกสารของกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 พบว่า มีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวว่านายทักษิณจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในวันที่ 10 สิงหาคม ซึ่งกรมราชทัณฑ์หากไม่มีหมายอาญาหรือหมายของศาลจะเข้ากรมราชทัณฑ์ไม่ได้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์จึงได้แต่งตั้งคณะขึ้นมาคณะหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นมองได้ว่าพรรคอนาคตใหม่จะเป็นรัฐบาลด้วยซ้ำ เพราะยังไม่ได้มีการฟอร์มว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการเลือกนายกฯ เกิดขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคม และตนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือเปล่า จึงต้องให้ความเป็นธรรม แต่เหตุที่ตนต้องมาชี้แจง เหมือนกรรมาธิการชุดนี้ ไปด้อยค่ากรมราชทัณฑ์ ไม่ให้เขาได้มีโอกาสชี้แจง และเลือกถ้อยคำบางประเด็น ตนยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งมีการแบ่งเกรดของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตามการใช้ศักยภาพ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยที่ต้องรักษา ซึ่งมีการระบุชัดว่าโรงพยาบาลก็ถือว่าเป็นสถานที่คุมขัง ซึ่งหากประชาชนรับไม่ได้ก็ต้องไปแก้ที่กฎหมาย
...
ด้านกรรมาธิการฝั่งพรรคประชาชน ได้สอบถามถึงการส่งตัวผู้ถูกคุมขังไปยังโรงพยาบาลนอกเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ควบคุม 2 คนตามกฎระเบียบไว้หรือไม่ รวมไปถึงมีการจัดห้องแยกให้กับผู้ต้องขังหรือไม่เนื่องจากกฎกระทรวงนั้นถือเป็นข้อห้าม และมีการจดบันทึกข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมหรือไม่
โดยภายหลังจากที่มีการซักถามเสร็จสิ้น พันตำรวจเอกทวี ได้บอกประธานกรรมาธิการ ให้ระวังเอกสารลับเรื่องของการรักษาตัวเนื่องจากมีสื่อมวลชนกำลังบันทึกภาพอยู่ และถามย้ำกับช่างภาพว่า ถ่ายภาพติดหรือไม่ เนื่องจากกังวลเรื่องสิทธิ ก่อนที่จะชี้แจงต่อว่า ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้จัดบุคคล ยืนยันว่าไม่ใช่ห้องพิเศษ และนายทักษิณ เคยถูกปองร้ายเคยโดนคาร์บอม ตนเห็น สส. 100 คน มีบทบาทอย่างนี้ได้อย่างไร เมื่อเรียกร้องให้เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การดำเนินการใช้ห้องควบคุมพิเศษ ก็เป็นดุลยพินิจของ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจและการเข้าเยี่ยมก็มีรายการการเข้าเยี่ยมทั้งหมด การเอาสิ่งเหล่านี้ที่ท่านพูดทำร้ายกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม มีคนนำคำพูดไปยื่นต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งมีการสอบอย่างละเอียด พร้อมยืนยันว่า กรรมาธิการไม่ใช่การสอบสวนในทางการเมือง เราต้องไปข้างหน้า อย่ามาด้อยค่ากัน แต่ตนมีหลักฐานยืนยันตามระเบียบทั้งหมด
พร้อมอธิบายห้องพักรักษาตัวของนายทักษิณที่ถูกมองว่าไม่ได้อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังอื่น ว่าการพักรักษาตัวของผู้ต้องขัง เดี๋ยวนี้ไม่ได้เอาไปอยู่รวมกัน สามารถดูได้ตามโรงพยาบาลต่างๆ และยืนยันว่าข้าราชการกระทรวงยุติธรรมไม่มีสิทธิ์ใช้ดุลยพินิจต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่างตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี 2566
และเจ้าหน้าที่คุมขัง ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับการอยู่ราชทัณฑ์ ต้องมีการเข้าออกตามเวลา เท่าที่รู้ กรรมการผู้ตรวจการแผ่นดินก็เข้าไปดูว่าท่านป่วยจริงไม่ เช่นนั้นรายงานจะออกมาว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ยุติ พอเรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดเหตุก็ไปตีข่าวกันมาก ข้าราชการทำงานกันอยู่ เราไม่ได้เลือกปฏิบัติแต่เราทำตามกฎหมายและระเบียบที่ให้ไว้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเข้าใจในเรื่องการตรวจสอบที่มีความลำบากใจในหลายอย่างแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนตั้งคำถาม หากรัฐมนตรีและราชทัณฑ์ให้ข้อมูลครบถ้วนก็จะสิ้นสงสัย
พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า การใช้ดุลยพินิจกฎหมายเขียนไว้ชัดเจน ตนยืนยันว่า คนที่เข้าเรือนจำต้องควบคุม ห้องที่นายทักษิณไปอยู่คือห้องควบคุมพิเศษ ในความหมายของตน ส่วนป้ายที่เขียนว่า ตึกนี้ชั้นนี้ เป็นพรีเมี่ยม ตนไม่ทราบ เพราะเป็นที่รักษาคนทั่วไป ญาติพี่น้องตำรวจคนเดียวใครก็ได้เข้าไปรักษา คนทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน คนทั่วไปก็อยู่ได้อย่างนางอองซาน ซูจี ยังถูกกักขังที่บ้าน ประเด็นตรงนี้เราต้องควบคุม ในลักษณะที่ยังต้องราชทัณฑ์อยู่ เพื่อไม่ให้เกิดการหลบหนี ไปก่อเหตุร้าย
ส่วนผู้ที่ไปเยี่ยมตำหนิกรมราชทัณฑ์ ว่าเปิดให้เยี่ยมน้อย ซึ่งจริงๆ แล้วใครก็ได้ ที่ต้องการเยี่ยมเพราะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่กรมราชทัณฑ์ก็กำหนดเอาไว้ และผู้ที่เข้าไปเยี่ยมทั้งหมด ทุกคนที่อ้างว่าไปเข้าพบมา ขอตรวจสอบได้เพราะเรายืนยันว่ามีรายชื่อทั้งหมด ส่วนหากจะไปทางหนีไฟหรือไม่ ตนก็ไม่รู้ ยืนยัน ข้าราชการรักษาศักดิ์ศรี และไม่ทำอะไร ที่จะต้องมาโดนเช่นนี้ หากจะดูรายชื่อก็สามารถดูได้แต่ตนขอยืนยันว่าห้องนี้เป็นห้องควบคุมพิเศษและห้องรักษา และตนก็ไม่เคยเดินทางไปพบนายทักษิณขณะที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14
นายรังสิมันต์ จึงถามพันตำรวจเอกทวี ว่าช่วยตอบหน่อยได้หรือไม่ว่าคณะกรรมการที่ช่วยนายทักษิณ เป็นการใช้อำนาจโดยชอบหรือไม่
พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ในฐานะรัฐมนตรีเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นแพทย์ได้ให้ความเห็นว่าเข้าหลักเกณฑ์ผู้สูงอายุทั้งหมดและเหลือโทษไม่มากการให้คะแนนจึงเป็น 9 คะแนน ซึ่งหมอวินิจฉัยโรคดีกว่าตนวินิจฉัยเป็นผู้วินิจฉัยว่าเข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดมีโรคหลายโรคและไม่มีผู้อื่นเห็นแย้ง อย่างผู้แทนอัยการสูงสุดกล่าวว่าการพิจารณาเข้าหลักเกณฑ์ผู้สูงอายุและการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจถือเป็นการจำคุกถือเป็นส่วนหนึ่งของเรือนจำ และมีผู้แทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะฉะนั้นตนคิดว่าหากจะให้ตนวินิจฉัยโรคตนขอให้หมอวินิจฉัยมากกว่า เพราะถ้าเป็นตนเป็นคนให้ยา ท่านประธานคงไม่เอาเหมือนกัน จึงขอยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่ที่เอกสารส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นายรังสิมันต์ จึงถามต่อว่า เข้าใจว่าพันตำรวจเอกทวีไม่ใช่หมอแต่ผลที่ออกมามันเหมือนจะเป็นไปตามนั้นเหมือนดูนายทักษิณสุขภาพดีช่วยเหลือตัวเองได้ ได้มีการตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านหรือไม่ว่าเป็นการใช้อำนาจมิชอบ
พันตำรวจเอกทวี ชี้แจงว่าได้ให้รองปลัดกระทรวงยุติธรรมไปตรวจสอบและทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้ตรวจสอบกรณีนี้แล้วไม่มีอะไรผิดกฎหมาย และยุติเรื่องไปแล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าการพิจารณาการพักโทษของแต่ละคนจะพิจารณากันหนักมาก
ทำให้นายประยุทธ์ ศิริพานิช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ขอใช้สิทธิ์แสดงความคิดเห็นว่าคำถามบางคำถามและการชี้แจงไม่ใช่หน้าที่ของพันตำรวจเอกทวี ส่วนกรณีชั้น 14 คุณอยากไปหรือใครอยากไปมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของพันตำรวจเอกทวี บางอย่างไม่ใช่ท่านจะสั่งการได้ เพราะจะมีกระบวนการในการเสนอมา
“ถ้าหากใครยังมีความสงสัยอยู่ตนขอแนะนำง่ายๆ ถ้าอยากจะใช้บริการของท่านรัฐมนตรีก็ลองไปเป็นนักโทษดูท่านจะรู้ว่าท่านทักษิณได้ใช้บริการนี้คุณจะได้ใช้บริการเดียวกันหรือไม่พูดกันตรงๆ ในฐานะที่ชีวิตเคยผ่านคุกผ่านตารางมาก่อน” นายประยุทธ์กล่าว
ส่วนเรื่องการรักษา พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับนายแพทย์ใหญ่ เขาแจงว่าเอกสารที่ส่งให้ ป.ป.ช.เหลือเพียงแค่ตัวเวชทะเบียน เนื่องจากเป็นสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติตามมาตรา 7 ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาล ส่งให้ ป.ป.ช.ไปแล้ว เพราะว่ามันจะมีทั้งราคา รายละเอียดการรักษา มีรายงานว่า วันไหน ผ่าตัด วันไหนทำ MRI ซึ่งมันเหนือกว่าเวชระเบียนอยู่แล้ว ส่วนสิทธิ์ของผู้ป่วย ผู้ป่วยจะออกเงินเองก็ได้ เพราะโรงพยาบาลตำรวจจับมือกับ สปสช. ซึ่งกรณีของนายทักษิณ ค่ายาหลักสูง แต่ผู้ป่วยเป็นผู้ออกเอง และไม่มีกฎหมายเขียนห้ามไว้
ด้านพันตำรวจโทธีรวัตร์ ปัญญาณ์ธรรมกุล เลขานุการประจำคณะ กมธ. ให้ข้อมูลว่า วิวห้องที่นายทักษิณพักรักษาตัวเป็นวิว sport club เป็นห้องสูท ถ้าดูตามราคาที่ปรากฏทั่วไป คืนละประมาณ 8,500 บาท คูณ 120 วัน ก็ประมาณล้านกว่าบาท ในฐานะที่เป็นตำรวจและเคยใช้บริการจึงได้ส่วนลด แล้วนายทักษิณได้ส่วนลดด้วยหรือไม่ ตนถามไว้เผื่อคนอื่น ในอนาคตผู้ต้องหาคนอื่นอยากทำจะสามารถทำได้หรือไม่
พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า คนทั่วไปก็อยู่ห้องนั้นได้ ส่วนการรักษาพยาบาลท่านอดีตนายกทักษิณ ไม่ขอใช้สิทธิ์เป็นการจ่ายเงินเอง ถ้าไม่พอใจว่าท่านจ่ายเงิน ตนก็ไม่รู้แล้ว และราคาห้องอาจจะมากกว่าที่ท่านว่า เพราะอย่าลืมว่า มีค่าหมอค่ายาอีก และการที่นายทักษิณอยู่ในห้องโรงพยาบาลตำรวจ ก็เหมือนอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว เพราะไม่ได้ออกไปไหน และการที่ต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจเพราะศักยภาพของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่เพียงพอ
นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า มันมีข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ครั้งที่แล้วกรมราชทัณฑ์ให้ข้อมูลกับเราว่า พยาบาล 2 ท่านเป็นผู้วินิจฉัย ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ไปที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่รัฐมนตรีพึ่งบอกเราว่ามีคุณหมอเป็นผู้วินิจฉัย
ทำให้พันตำรวจเอกทวี กล่าวชี้แจงว่า คุณหมอมาตรวจตอน 11:00 น. แล้วรู้ว่าท่านเป็นโรคเยอะเลย แล้วทีนี้พอกลางคืน พยาบาลเขาก็ส่งตัวตามคำแนะนำของแพทย์ในตอนเช้า และตามกฎหมายเขาเขียนให้พยาบาลเป็นผู้ส่งตัวไม่ได้ให้หมอเป็นผู้ส่งตัว มันไม่มีอะไรที่จะผิดกฎหมาย