“นายกฯ อิ๊งค์” นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร.แต่งตั้ง ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.นาน 4 ชม. ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ฉลุย เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ ตามอาวุโส 100 เปอร์เซ็นต์ ปัญหาอยู่ที่ระดับ ผบช.ที่ตามกฎหมายให้แต่งตั้งตาม ลำดับอาวุโส 50 เปอร์เซ็นต์ ความรู้ความสามารถอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ก.ตร.มีมติยืดอาวุโสจาก 2 ปีเป็น 3 ปี ถึงจะได้รับการพิจารณา พล.ต.ท.สยาม บุญสม นรต.รุ่น 46 ม้ามืดขยับมาเป็น ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. เป็น ผบช.สตม. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.โยกมาคุมหน่วยงานทองเป็น ผบช.สอท. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรมัย จตร. (สบ 8) สายตรง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ตัวเต็ง ผบช.น.ถูกเบียดไปเป็น ผบช.ปส. สรุปไม่มีรอง ผบช.อาวุโส 2 ปีได้รับการแต่งตั้งเลยแม้แต่คนเดียวตามที่ ก.ตร.ขีดไว้

ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 พ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.เป็น ประธานการประชุมพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบช. โดยมี น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รรท.รอง ผบ.ตร. นายประทิต สันติประภพ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ นายศุภชัย ยาวะประภาษ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุม

ก่อนเริ่มการประชุม น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การประชุมข้าราชการตำรวจวันนี้มีเรื่องพิจารณาหลายเรื่อง ตามกรอบของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเรื่องการพิจารณาให้ความเห็นชอบคัดเลือกแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงระดับผู้บัญชาการขึ้นไป ที่มีความจำเป็นที่ต้องได้บุคลากรที่มีความสามารถ บริหารจัดการ รับผิดชอบ และตอบสนองต่อการบริการประชาชนและรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยให้พิจารณาให้ตรงตามกรอบกฎหมายกำหนด ขอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อให้การบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นไปอย่างต่อเนื่อง คำนึงถึงผลประโยชน์ของราชการเป็นสำคัญ

...

มีรายงานว่า ก่อนประชุม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นำบัญชีรายชื่อที่ผ่านคณะกรรมการพิจารณารายชื่อตำรวจ หรือบอร์ดกลั่นกรองที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย. หารือ น.ส.แพทองธาร มีข่าวว่า ก.ตร.ปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้าย เดิมตำแหน่ง ผบช.ให้ผู้ครองตำแหน่ง 2 ปี ได้รับการพิจารณา ปรับขึ้นเป็นผู้ครองตำแหน่ง 3 ปี ยกเว้น พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 นรต.41 สาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้รับการพิจารณาขึ้นเป็น ผบช. และบอร์ดกลั่นกรองเสนอปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ผบช.หลักอีกหลายตำแหน่ง ระดับรอง ผบ.ตร.ว่าง 4 ตำแหน่ง ประกอบด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ตามลำดับอาวุโส ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วย พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา หัวหน้าจเรตำรวจ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ส. พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผบช.สกบ. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ขึ้นตามลำดับอาวุโสไม่มีแตกแถวเช่นกัน

รายงานการประชุม ก.ตร.ช่วงแรกพิจารณาระดับ รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.พิจารณาตามหลักเกณฑ์กฎหมายใหม่ ยึดตามลำดับอาวุโส 100 เปอร์เซ็นต์ แต่พอมาถึงระดับ ผบช.มีการพิจารณาไล่เรียงตำแหน่งโดยบอร์ดกลั่นกรองชี้แจงกฎเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายเดิมตำแหน่ง ผบช.ให้ผู้ที่ครองตำแหน่ง 2 ปีขึ้นเป็น ผบช. ปรับเป็นต้องเป็นผู้ครองตำแหน่ง รอง ผบช. 3 ปี ยกเว้น พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ขยับขึ้นเป็น ผบช. เสนอปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ผบช.หลักหลายตำแหน่ง ทำให้ ก.ตร.หลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยเป็นวงกว้าง เนื่องจากข้ามชื่อคนอื่นขึ้นมา จน ก.ตร.บางคนเสนอให้เลื่อนประชุมแต่งตั้งออกไปก่อน แต่ ก.ตร.ส่วนใหญ่มีมติประชุมต่อจนถึงเวลา 18.00 น. มีการพักการประชุม ก่อนเริ่มประชุมต่อจนเสร็จสิ้นประชุมเวลา 18.42 น.

หลังนายกรัฐมนตรีใช้เวลาในการประชุมก.ตร.นานกว่า 4 ชม. หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกฯ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สื่อมวลชนพยายามถามว่าการประชุมวันนี้ยากหรือ นายกฯกล่าวเพียงสั้นๆว่า “เป็นประสบการณ์ใหม่” ก่อนเดินทางกลับทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานผลรายชื่อผู้คาดว่าได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย ประกอบด้วย พล.ต.ท.สยาม บุญสม จตร.นรต. รุ่น 46 ขยับเป็น ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม.นรต.รุ่น 41 สายตรง “นายกฯปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คุมพื้นที่ทองเป็น ผบช.สตม. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.นรต.41 เพื่อนร่วมรุ่นนักการเมืองคนดัง ขยับมา ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.สกพ. นรต.รุ่น 41 โยกมาเป็น ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ศ. นรต.40 ขยับเป็น ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 นรต.42 สายตรงอดีต “นายกฯปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น ผบช.ภาค 4 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 นรต.42 สายแข็งการเมืองอยู่ที่เดิม

พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 นรต.รุ่น 42 ลูกชาย พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ อดีต ผบ.ตร.อยู่ที่เดิม พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 นรต.40 สายการเมืองใหญ่อยู่ที่เดิม พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 นรต.42 สายตรง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร.อยู่ที่เดิม พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 นรต.42 อยู่ที่เดิม พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.นรต.รุ่น 42 เป็น ผบช.ส. พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช.ภ.9 นรต.รุ่น 40 อดีต ผบก.ตชด. เป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรมัย จตร. (สบ 8) นรต.รุ่น 48 สายตรง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีต รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.เป็น ผบช.ปส.

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.นรต.46 โยกมาเป็น ผบช.สอท. พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7 นรต.รุ่น 44 เป็น ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. นรต.47 มือทำงานภาพลักษณ์ตำรวจโยกเป็น ผบช.ศ. พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 นรต.41 สายตรง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขยับขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ตร.(ประสานงานนายกฯ) พล.ต.ท.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. สายตรงนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ขยับเป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ท.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต. นรต.40 อยู่ที่เดิม พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภาค 2 ขึ้น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5 นรต.43 ขึ้นเป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รอง ผบช.ภ.2 ขึ้น จตร. (สบ 8) พล.ต.ต.วราวุธ สกลสนารักษ์ รอง ผบช.สตส.อดีตนายเวร พล.ต.อ.ณรงค์วิช ไทยทอง อดีตรอง ผบ.ตร.เป็น ผบช.งป. พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. นรต.46 เป็น ผบช.สกพ.

ต่อมา พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ เลขานุการ ก.ตร.กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมพิจารณานายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร. จนถึง ผบช.รวมทั้งหมด 41 ตำแหน่ง การพิจารณาเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และวิธีปฏิบัติที่ยึดระดับอาวุโสความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยที่ประชุมหยิบยกรายชื่อตัวบุคคลทุกตำแหน่งมาพิจารณาอย่างทั่วถึง เชื่อได้ว่า หลังจบการประชุมบุคคลที่ได้รับการพิจารณาแต่ละตำแหน่งจะมีความเหมาะสม

ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุว่า ในที่ประชุมถกเถียงเรื่องการครองตำแหน่งอายุราชการที่นำมาใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง พล.ต.ท.อนุชา ยอมรับว่า ในที่ประชุมนำรูปแบบดังกล่าวมาพิจารณาจริง แต่ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิผู้มีอายุราชการเพียง 2 3 และ 4 ปี แต่เป็นการพิจารณาทุกราย ทุกตำแหน่งเป็นไปด้วยความเหมาะสม ไม่ใช่ว่าให้นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นใดรุ่นหนึ่งมาดำรงตำแหน่งเป็นพิเศษ รวมทั้งกระแสที่ว่า จะคัดเลือกเฉพาะเพื่อน นรต. รุ่นเดียวกับ ผบ.ตร.

พล.ต.ท.อนุชา กล่าวถึงการใช้เวลาพิจารณาวาระนี้นานกว่า 4 ชม.ว่า เนื่องจาก ก.ตร.ทุกท่านต้องการพิจารณาคุณสมบัติแต่ละรายเป็นไปตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ ส่วนนายกฯ ฐานะประธานนั่งควบคุมการประชุมตลอด เวลาจนแล้วเสร็จ พร้อมเปิดโอกาสให้คณะกรรมการทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็น โดยไม่มีข้อท้วงติงหรือสั่งการเรื่องใดเป็นพิเศษ

ต่อข้อถามประเด็นการแต่งตั้งนายพลครั้งนี้ มีเรื่องของการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ พล.ต.ท.อนุชายืนยันว่าที่ประชุมฯไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้ หากบุคคลใดที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมการฟ้องร้องเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ถามว่าการแต่งตั้งครั้งนี้จะทำให้หลายคนผิดหวังจนเสียน้ำตาหรือไม่ พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่า ตนไม่เห็นรายชื่อบุคคลใดมาก่อน ตนมารับรู้ในฐานะเลขาฯในที่ประชุมเท่านั้น

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่