“อิ๊งค์” กลับถึงไทย “บิ๊กต่าย” รุดรายงานวาระการจัดโผนายตำรวจ ระดับรอง ผบ.ตร.จนถึงผู้บัญชาการ โผเข้ากอดลูกๆที่มารับถึงสนามบิน พท.วิวาทะ ปชน.ไม่เลิก “ภูมิธรรม” ท้าวัดใจชาวอุดรฯชี้ชะตานายก อบจ. ตั้ง กก.เจทีซีชะงักยังไม่เข้า ครม. “สมคิด” แขวะ ปชน.ทำการเมืองให้สร้างสรรค์ “ณัฐพงษ์” ตอกกลับดันมาแซะก่อน “วันชัย” ชี้ “ทักษิณ” รอคัมแบ็กอย่างยิ่งใหญ่ ฝ่ายต้านยื่น กกต.สอบ “นายใหญ่” ถือ 2 สัญชาติ ส่อขัด รธน.-กฎหมายเลือกตั้ง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะเดินทางกลับถึงประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง หลังเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 31 และการประชุมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 10-18 พ.ย.
“อิ๊งค์” ถึงไทย ผบ.ตร.รุดรายงาน
เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 18 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางถึงประเทศไทยหลังเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 31 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 10-18 พ.ย. มีรายงานว่าระหว่างนั่งเครื่องกลับ นายกฯได้ประชุมวงเล็กกับคณะทำงานเพื่อสรุปประเมินผลภารกิจเดินทาง และทันทีที่เดินทางถึง บน.6 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้เข้ารายงานถึงการเตรียมการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2567 ในวันที่ 20 พ.ย. เวลา 14.30 น. มีวาระการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ วาระประจำปี 2567 ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) โดยใช้ พ.ร.บ.ตำรวจเป็นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งเป็นครั้งแรก ขณะที่ น.ส.ณัฐจารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี รายงานวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะเข้าพิจารณาในวันที่ 19 พ.ย.
...
โผเข้ากอดลูกมารับถึงสนามบิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ตร.มารายงานเรื่องอะไร น.ส.แพทองธารไม่ตอบคำถามได้แต่ยิ้มและโบกมือทักทายผู้สื่อข่าว ก่อนหันไปเห็นลูกที่มารอรับพร้อมกล่าวว่า ขอไปหาลูกก่อน พรุ่งนี้ (19 พ.ย.) เล่าให้ฟัง จากนั้น น.ส.แพทองธารวิ่งไปที่รถและโผเข้ากอดหอมแก้ม ด.ญ.ธิธาร สุขสวัสดิ์ ลูกสาวคนโต และด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ ลูกชายคนเล็ก ที่นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี พามารอรับด้วยความดีใจ ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่รู้เลยว่าจะมารับ”
“อ้วน” ท้ารอให้ชาวอุดรฯตัดสิน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคประชาชน (ปชน.) ปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ตอบโต้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี ว่า รอให้ประชาชนชาวอุดรธานีตัดสินใจ ไม่มีความเห็น เมื่อถามว่าหลายคนมองว่าที่นายทักษิณนำนโยบายรัฐบาลไปปราศรัยเกินอำนาจไปหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ว่าไปตามกระบวนการ เมื่อถามว่ามีหลายกระทรวงรับลูกจากที่นายทักษิณพูดบนเวทีปราศรัย นายภูมิธรรมตอบว่า ตามกฎหมายมีอยู่แล้ว อะไรที่ผิดกฎหมายก็ว่าไป อะไรที่ถูกกฎหมายไม่มีปัญหา
ตั้ง กก.เจทีซีชะงักยังไม่เข้า ครม.
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีการตั้งคณะกรรมการทางเทคนิค (JTC) เจรจาพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันระหว่างไทย-กัมพูชาว่า ไม่แน่ใจทันเสนอเข้าที่ประชุม ครม.วันที่ 19 พ.ย.หรือไม่ รอนายกฯ เพราะยังไม่ทราบว่าใครบ้าง เมื่อถามว่าคาดกรอบเจทีซีจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า ต้องพูดคุยกันและเดินตามเอ็มโอยู 44 มีเรื่องที่ค้างคาใจหลายเรื่องยังไม่ได้ข้อสรุป รวมถึงเกาะกูดที่ถกเถียงกัน การเจรจาถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เอ็มโอยู 44 ไม่มีอะไรต้องยกเลิกเป็นเรื่องที่พูดคุยกันยังไม่จบ ต่างคนต่างอ้างสิทธิ ยึดกฎหมายทางทะเลระหว่างประเทศ คิดว่าไม่มีอะไรต้องแคลงใจ การไปลงพื้นที่เกาะกูดแสดงให้เห็นว่าเรายังเป็นเจ้าของดินแดนอยู่ หน่วยราชการเราก็ยังอยู่เหมือนกรณีเขาพระวิหารที่เขาก็อ้างสิทธิ และทหารก็ดูแลพื้นที่ตามอำนาจอธิปไตยของเรา
“สมคิด” แขวะ ปชน.ไม่สร้างสรรค์
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า เป้าหมายที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศจะได้ สส. 200 คนในการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ที่เคยคุยกันไว้ถึง 220 คนด้วยซ้ำ ถือเป็นเป้าหมายของพรรคในการเลือกตั้ง ดูว่าตรงไหนที่เราแพ้เพราะอะไร นำไปสู่การแก้ปัญหา อยากให้พรรคประชาชนพูดถึงการเสนอนโยบายและสิ่งที่ทำให้ประชาชนดีกว่า ทำการเมืองสร้างสรรค์ เอาพอหอมปากหอมคอ และขอฝากไปยังคนที่เห็นต่างอย่าปั่นกระแสทำลายกัน ไม่ใช่เรื่องดี อย่าให้ถึงขนาดเอาทุกตัวอักษรมาเล่ากัน หรือเอาทุกคำพูดมาเล่ากันมันจะไม่จบสิ้น
“ทักษิณ” รอคัมแบ็กอย่างยิ่งใหญ่
วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เมื่อทักษิณหวนคืนสนามดูท่าทีท่วงทำนองคุณทักษิณไปปราศรัยที่อุดรธานี มีความมั่นใจในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยจะแก้ปัญหาให้ประเทศได้ ทั้งเรื่องปากท้อง พืชผลการเกษตร ยาเสพติด ปัญหาสังคม บรรยากาศเก่าๆ ความยิ่งใหญ่ของคุณทักษิณสมัยเป็นนายกฯ เหมือนจะหวนกลับมาอีกครั้ง ถ้าคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยตั้งหลักได้เมื่อไร อะไรก็ฉุดไม่อยู่ ถึงกับกล้าประกาศเลือกตั้งคราวหน้าจะคว้าได้ถึง 200 เสียงขึ้น ดูมั่นอกมั่นใจ นี่เกือบ 2 ปีแล้ว คุณทักษิณประกาศนำทัพ ถ้าผลงานที่ทำได้รับการตอบรับดี เชื่อว่าเพื่อไทยโดยคุณทักษิณคงเอาคืนทั้งอำนาจ เสียง คะแนนนิยม ขณะที่พรรคประชาชนมือใหม่หัดขับ ยังไม่มีผลงานโดดเด่น ทั้งมีท่าทีแข็งกร้าว กระแสเสียงเริ่มแผ่ว เพื่อไทยและนายกฯอิ๊งค์ โพลทุกสำนักคะแนนรุ่งพุ่งแรง รัฐบาลไปได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่มีอุปสรรคในสภาและนอกสภา พรรคร่วมแน่นปึ้ก ยิ่งไม่ทุจริต มุ่งหน้าทำเพื่อประเทศและประชาชน เดี๋ยวนักร้องก็อกแตกตาย คุณทักษิณมีบทเรียนสาหัสสากรรจ์ สยดสยองกับตัวเองมาแล้ว โอกาสนี้จึงเป็นโอกาสสุดท้าย ไม่เอาตอนนี้จะเอาตอนไหน”
ปชน.เปิดตัว 12 ผู้สมัครนายก อบจ.
ช่วงสายที่พรรคประชาชน (ปชน.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในนามพรรค ปชน. จำนวน 12 คน ประกอบด้วย 1.นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ จ.เชียงใหม่ 2.นายวีระเดช ภู่พิสิฐ จ.ลำพูน 3.นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ จ.มุกดาหาร 4.นายอุรุยศ เอียสกุล จ.หนองคาย 5.นายชลธี นุ่มหนู จ.ตราด 6.นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล จ.ภูเก็ต 7.นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ จ.สุราษฎร์ธานี 8.นายสุทธิโชค ทองชุมนุม จ.พังงา 9.นายนิรันดร์ จินดานาค จ.สงขลา 10.น.ส.นันทิยา ลิขิตอำนวยชัย จ.สมุทรสงคราม 11.นายนพดล สมยานนทนากุล จ.สมุทรปราการ 12.นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ จ.นนทบุรี พร้อมกับนำเสนอชุดนโยบายที่น่าสนใจ อาทิ น้ำประปาดื่มได้ สาธารณสุขบริการทั่วถึง อบจ.โปร่งใส
ตอกเพื่อไทยกล่าวหาชกใต้เข็มขัด
นายณัฐพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งเป้าหมายอย่างน้อยทุกภูมิภาคต้องชนะ อบจ.หนึ่งแห่ง ส่วนปัจจัยรองอื่นๆต้องวิเคราะห์เรื่องผลคะแนนเลือกตั้ง และคู่แข่งในพื้นที่ ผู้สื่อข่าวถามถึงการลงพื้นที่ของนายทักษิณที่มั่นใจว่ากระแสดี นายณัฐพงษ์ตอบว่า ไม่กังวล มั่นใจว่าพรรค ปชน.มีโอกาสสูงที่จะได้รับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เมื่อถามถึงนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มักถูกนำมาโจมตี นายณัฐพงษ์ตอบว่า จากการนำเสนอนโยบายไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนข้อพิพาททั้งหลายเชื่อว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ชี้แจงแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น เมื่อถามว่าแกนนำ พท.กล่าวหาพรรค ปชน.ชกใต้เข็มขัด นายณัฐพงษ์ตอบกลับว่า คงไม่ใช่การชกใต้เข็มขัด แต่มองว่าเราต้องออกมาใช้สิทธิ เนื่องจากก่อนหน้านี้ถูกพาดพิง ถือว่าเป็นการชี้แจงกลับ
คาด 20 พ.ย.ประชามติได้ข้อยุติ
ขณะที่นายนิกร จำนง กรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กล่าวว่า การประชุม กมธ.วันที่ 20 พ.ย. จะมีนายรัฐพล ภักดีภูมิ ประธานกรรมการบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดและคณะ กับนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาให้ข้อมูลต่อ กมธ. ถึงความพร้อมการทำประชามติผ่านไปรษณีย์ จากนั้นอาจลงมติว่าจะใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ตามที่วุฒิสภาแก้ไขเสนอมา หรือแก้หลักเกณฑ์ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว ตามร่างเดิมที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอมา หรือเปลี่ยนหลักเกณฑ์เป็นวิธีอื่นนอกเหนือจาก 2 วิธีนี้ เช่น การทำประชามติในเสียงข้างมากชั้นครึ่ง พบกันครึ่งทางระหว่าง สส.กับ สว. เป็นทางออกไม่ให้มีข้อขัดแย้ง เชื่อว่าน่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 20 พ.ย. ก่อนทำรายงานเข้าสู่การพิจารณาให้ที่ประชุม สส.และสว.รับทราบต่อไป ทันเปิดประชุมสภากลางเดือนธ.ค.นี้
ยื่นสอบ “นายใหญ่” ถือ 2 สัญชาติ
ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต.กรณีคำร้องยุบ 6 พรรคการเมือง นายนพรุจกล่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ต้องหาคดีทุจริตเป็นผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ดูจากคำปราศรัยนายทักษิณแล้ว มีพฤติกรรมชัดเจนว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันนายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นหนังสือขอให้ กกต.ตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ไปช่วยหาเสียงนายกอบจ.อุดรธานี ทั้งที่นายทักษิณถือสัญชาติไทยและสัญชาติมอนเตเนโกร หรือสัญชาติอื่นด้วยหรือไม่ อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้งอื่นที่เกี่ยวข้อง
คปท.บุกคัดค้านชื่อ “กิตติรัตน์”
อีกเรื่อง นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและคณะรัฐมนตรี ผ่านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง คัดค้านการเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและ รมว.คลัง เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดแบงก์ชาติ ที่จะมีการเสนอเข้าที่ประชุม ครม. นายพิชิตกล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ นายกิตติรัตน์ พ้นวาระดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ถึง 1 ปี เพราะเคยเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ตามคำสั่งนายกฯ ที่ 234/2566 หาก ครม.รับรองอาจทำให้มีข้อขัดแย้งทางกฎหมาย จึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้ง และอาจไปยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ด้านนายสมคิดกล่าวว่า จะส่งเรื่องไปยังนายกฯ ครม. และคณะกรรมการคัดเลือกบอร์ดแบงก์ชาติให้ตรวจสอบ รัฐบาลต้องรับฟังไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนมายื่น
“ฐากร” จี้ รบ.เร่งสร้างความหวัง
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบกับประชาชนที่ จ.กาฬสินธุ์ และจังหวัดอื่น ได้สัมผัสถึงความรู้สึกสิ้นหวังของประชาชนทั้งด้านการเมืองที่ยังไม่รู้ทิศทางข้างหน้าจะเดินไปอย่างไร และด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่มีการสร้างอุตสาหกรรมหรือธุรกิจใหม่ๆ อนาคตประเทศไทยยังมองไม่เห็นแสงสว่าง วันนี้รัฐบาลต้องเร่งคิดทำอย่างไรจะปลุกให้คนไทยเกิดความหวัง แม้ว่ารัฐบาลมีนโยบายเฮลิคอปเตอร์มันนี่ ด้วยการแจกเงิน 1 หมื่นบาทเฟส 2 เพิ่มเติม แต่ยังไม่เพียงพอ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลรีบเร่งปลุกความหวังสร้างโอกาสใหม่ๆ โดยเสนอ 2 แนวทาง คือ ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ส่วนจะเพิ่มรายได้-ลดรายจ่ายอย่างไร เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องไปคิดเอง นโยบายแจกเงินสด 1 หมื่นบาท ที่ทำยังไม่เพียงพอ ต้องมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้น เมื่อใดคนเริ่มกลับมามีความหวังเห็นโอกาสใหม่ๆ รัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปได้ วันนี้หากรัฐบาลเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ที่เชื่อมต่อกับโลกปัจจุบัน ทั้งด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือสมาร์ทฟาร์มมิ่งให้เกิดขึ้นโดยเร็วจะยิ่งช่วยปลุกความหวังและสร้างโอกาสให้กับคนไทย
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่