“นายกฯอิ๊งค์” ติวเข้มทีมไทยแลนด์ สั่งหาช่องเร่งดึงเงินลงทุน ใหม่ สร้างเครือข่ายมิตรประเทศบนเวทีโลก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจพ้นวิกฤติ โอ่การเมืองในประเทศมั่นคง รัฐบาลอยู่ครบเทอม เพื่อให้การลงทุนต่อเนื่อง พบคนไทยในแอลเอตั้งเป้าดึงคนไทยกลับบ้านร่วมพัฒนาประเทศ พท.-ภท.ยันปมเขากระโดงไม่เกี่ยวการเมือง “ภูมิธรรม” ย้ำเป็นไปตามกฎหมาย “อนุทิน” ชี้ต่างคนต่างทำตามหน้าที่ อย่าเอาการเมืองมายุ่ง ปัด พท.เอาคืนยัน “สุริยะ” พูดถูกแล้ว อธิบดีกรมที่ดินแจงยึดคำสั่งศาลปกครอง เลขาฯกฤษฎีกาชี้แค่สื่อสารไม่ตรงกัน เชื่อจับเข่าคุยจบ “ทวี” ผวาตอกลิ่มรอยร้าวพรรคร่วมฯ โวย กมธ.มั่นคงตั้งธงดิสเครดิตรัฐบาล “โรม” เรียก “ทักษิณ” ให้ข้อมูลรักษาตัวชั้น 14 “มาริษ” ย้ำเอ็มโอยู 44 ไม่เสี่ยงเสียดินแดน มติ พปชร.ยื่นหนังสือถึงนายกฯจี้ยกเลิกด่วน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับเอกอัครราชทูตกงสุลใหญ่ และหน่วยงานทีมประเทศไทยประจำภูมิภาคอเมริกา (ทีมไทยแลนด์) กำชับให้มองหาโอกาส เร่งเชิญชวนให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ สร้างเครือข่ายมิตรประเทศในเวทีโลก เพื่อให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจแข็งแรงขึ้น

นายกฯสั่งทีมไทยแลนด์เพิ่มยอดลงทุน

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 12 พ.ย. หรือวันที่ 11 พ.ย. เวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ที่ช้ากว่าเวลาในเมืองไทย 14 ชั่วโมง ตรงกับเวลาในประเทศไทย ที่โรงแรม เบเวอร์ลี วิลเชอร์ อะ โฟร์ซีซั่น นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พร้อมนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ประชุมร่วมกับเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ และหน่วยงานทีมประเทศไทยประจำภูมิภาคอเมริกา เพื่อมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคอเมริกา โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ทีมไทยแลนด์เปรียบเสมือนทัพหน้า ขอให้เร่งทำตามนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากไทยยังประสบปัญหาเศรษฐกิจ ต้องหารายได้ใหม่ๆ ขอให้มองหาโอกาสเร่งเชิญชวนให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ สร้างเครือข่ายมิตรประเทศในเวทีโลก ให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่แข็งแรงขึ้น ตนคือหัวหน้าทีมประเทศไทย มีหน้าที่ช่วยกันพัฒนาประเทศไทยให้สามารถแข่งขันกับนานาอารยประเทศได้

...

หาช่องจัดทุน ตปท.ให้ นร.ไทย

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลให้ความสำคัญ เอกอัครราชทูตประเทศชิลีรายงานว่า คนชิลีชื่นชอบภาพยนตร์ไทย ส่งออกไปต่างประเทศ เป้าหมายรัฐบาลสนับสนุนให้แลกเปลี่ยน ความรู้ด้านการผลิตภาพยนตร์และ Soft Power ด้านต่างๆ ได้เปิดโครงการ winter festival ประสานงานเทศกาลต่างๆกับการท่องเที่ยวให้เมืองไทยเที่ยวได้ทั้งปี ขอให้ทุกท่านช่วยประชาสัมพันธ์ว่าไทยพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวและรัฐบาลให้ความสำคัญส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทย (Start up) มีแนวทางจัดตั้งกองทุน matching fund จับคู่บริษัทไทยกับต่างประเทศ เพื่อให้ภาคเอกชนไทยมีตลาดกว้างมากขึ้น และสนับสนุนส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยมีโอกาสไปศึกษาในต่างประเทศตั้งใจจะจัดหาทุนการศึกษาเพี่อส่งเสริมเด็กไทย นักเรียนไทยให้มาศึกษาต่อในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับแอร์โร่ สเปซ ดิจิทัลเทคโนโลยี ขอฝากดูแลคนไทยกว่า 3 แสนคนในสหรัฐฯ รักษาผลประโยชน์ของคนไทยและให้ใช้ชีวิตต่างแดนอย่างเข้มแข็ง

โอ่การเมืองมั่นคง รบ.อยู่ครบเทอม

น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า ในส่วนของการเมืองมั่นคงพอสมควรแล้ว ฉะนั้นจะทำเรื่องนี้ให้แข็งแรงมากที่สุด เพื่อให้ต่างชาติมั่นใจและนำเม็ดเงินมาลงทุนในประเทศไทย และในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเราจะอยู่จนครบเทอม เพื่อให้การลงทุนมีความต่อเนื่อง เพราะแน่นอนว่า เทอมข้างหน้าอยากให้นำเรื่องนโยบายการลงทุนไปต่อ ไม่อยากให้ประเทศสะดุด เพราะเรื่องการเมือง เพราะในอดีตมักเป็นเช่นนั้น จึงอยากจะสร้างความเชื่อมั่นระยะยาว

ไปวัดไทยรับเงินช่วยน้ำท่วม 1 ล้าน

จากนั้นเวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) น.ส.แพทองธารไปที่วัดไทยลอสแองเจลิส สหรัฐฯ เข้าสักการะพระพุทธนรเทพศาสดา ภปร.พระประธาน กราบนมัสการและถวายเครื่องไทยธรรมท่านเจ้าคุณพระเทพมงคลวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยลอสแองเจลิส คณะสงฆ์เจริญพระชัยมงคลคาถา (บทชยันโต) ให้นายกฯ จากนั้นรับมอบเงินบริจาคจากผ้าป่าสามัคคีของชุมชนในนครลอสแอนเจลิสและเมืองใกล้เคียง ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในไทย รวม 30,000 ดอลลาร์ หรือราว 1 ล้านบาทจากเจ้าอาวาส บรรยากาศคึกคักคนไทยในแอลเอมาให้กำลังใจล้นหลาม บางส่วนสวมเสื้อแดง สกรีนคำว่า “ครอบครัวเพื่อไทยและเพื่อไทยแลนด์สไลด์” นายกฯเดินทักทาย แจกลายเซ็นบนหนังสือ ถ่ายรูปร่วมกันอย่างเป็นกันเอง มีชาวต่างชาติ ที่มาวัดไทยชมนายกฯ ว่า She’s so lovely ขณะเดียวกัน มีกลุ่มคนไทยในนาม “รวมพลคนรักชาติ” ราว 10 คน รวมตัวหน้าประตูวัดส่งเสียงโห่ร้อง พร้อมชูป้ายขับไล่นายกฯ โดยแกนนำระบุว่าทางกลุ่มไม่ยอมรับนายกฯ ที่เข้ามาอย่างไม่โปร่งใส ไม่ยอมรับนโยบายและพฤติกรรมต่างๆของนายกฯ คนนี้ด้วย

ตั้งเป้าดึงคนไทยกลับบ้านพัฒนา ปท.

น.ส.แพทองธารกล่าวกับชุมชนชาวไทยผ่านเสียงตามสายจากอุโบสถว่า ไม่เคยมาต่างประเทศแล้วเจอพี่น้องคนไทยที่รวมกันเยอะขนาดนี้ จึงตื่นเต้นดีใจมากๆ ทุกคนต้อนรับกันอบอุ่นมากๆ บางคนบอกว่า คิดถึงคุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) หากมีโอกาสจะเชิญคุณพ่อมาเที่ยวที่ลอสแอนเจลิสด้วยกันอีก ตอนเด็กจำได้ว่าเคยมาที่นี่กับครอบครัว เป็นความทรงจำที่ดีมาก รอบนี้อากาศดี พอได้มาวัดและกราบพระก่อนไปประชุมสำคัญ มีที่พึ่งทางใจ มีแรงใจ จะได้นำผลงานดีๆกลับเข้าประเทศไทย ขอฝากทุกคนช่วยชวนลูกหลานกลับไปทำงานที่ประเทศไทยเยอะๆ บ้านเราจะได้พัฒนา รัฐบาลจะผลักดันเต็มที่ เพื่อให้คนไทยมีงานมีอาชีพที่ดี หากพัฒนาทักษะได้จะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น ขอชื่นชมบทบาทของชุมชนไทยที่ช่วยสืบสานวัฒนธรรม ศาสนาและภาษาไทยให้เยาวชนรุ่นใหม่ รัฐบาลจะพัฒนาความก้าวหน้า ยกระดับเศรษฐกิจให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน จากนั้นนายกฯเดินชมตลาดนัดในวัดที่จัดซุ้มอาหาร เครื่องดื่ม ร่วมชมรำอวยพร 2 ชุด และโชว์ศิลปะการต่อสู้มวยไทยจากเด็กนักเรียน ร.ร.วัดไทยในแอลเอ และนักแสดงมอบมาลัยที่ระลึกก่อนถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน

“ภูมิธรรม” ชี้คดีเขากระโดงทำตาม ก.ม.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนนายกฯ ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคมให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำหนังสือคัดค้านกรมที่ดินที่ไม่เพิกถอนสิทธิ์พื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ จะเป็นชนวนขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือไม่ว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกเรื่องเป็นไปตามกฎหมาย ต้องดูรายละเอียด ยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าความเป็นจริงหรือทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร ต้องว่าไปตามนั้น เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรนอกเหนือจากนั้นได้

“อนุทิน” ขออย่าเอาการเมืองมายุ่ง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง เรื่องเขากระโดงเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ไม่ใช่ประเด็นการเมือง ถ้าเอาการเมืองมายุ่งแบบนี้จะยุ่ง ฝ่ายการเมืองต้องไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวและไม่มีข้อสั่งการ ไม่มีความจำเป็นที่ฝ่ายราชการต้องมารายงาน รัฐมนตรีเป็นประจำ ทุกอย่างมีขั้นตอน มีคำพิพากษา มีวิธีการ ที่ทำมาทุกวันนี้ทำตามคำสั่งศาลปกครองและทำมาก่อนรัฐบาลชุดนี้ แต่ตอบไม่ได้เต็มที่เพราะไม่ได้ไปสอบถามรายละเอียด ถ้าเข้าไปเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเข้าไปกดดัน เมื่อคณะกรรมการกรมที่ดินบอกให้ยุติเรื่องการเพิกถอน รฟท.ก็เพิกถอนคำสั่งได้ตามช่องทางกฎหมาย

ปัดถูกเอาคืน “สุริยะ” พูดถูกทุกอย่าง

เมื่อถามต่อว่าสาเหตุมาจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่ ทำให้การเพิกถอนยาก นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีหรอก เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเป็น 10 ปีแล้ว บอกว่ายุคนี้จะช่วยเหลือกัน คำพิพากษาศาลฎีกาออกมาตั้งแต่ปี 2560 ยุครัฐบาล คสช. จากนั้นมีคณะกรรมการกรมที่ดินตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ตั้งแต่เดือน พ.ค.2566 โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตนเป็น รมว.สาธารณสุข จะไปมีอิทธิพล อะไรเหนือ พล.อ.อนุพงษ์เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว หากเอาการเมืองมายุ่งจะวุ่นวายแบบนี้ นายสุริยะพูดถูกต้องทุกอย่าง ไปเกาะกูดตนบอกว่าตารางนิ้วเดียวก็เสียไม่ได้ นายสุริยะบอกตารางวาเดียวก็เสียไม่ได้ เพราะท่านอยู่ฝั่งการรถไฟฯ สั่งอย่างอื่นไม่ได้ ส่วนตนอำนาจทุกอย่าง จบที่กรมที่ดิน จะไปสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้ทำสิ่งที่ผิดใครจะไปทำ เหลืออายุราชการ 1-2 ปี ไม่ทำหรอกคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อถามว่ายืนยันไม่ใช่เป็นการเอาคืนทางการเมือง ก่อนหน้านี้ ภท.ท้วงติงหลายโครงการของพรรค พท. นายอนุทินกล่าวว่า “ อุ้ย วุฒิภาวะระดับนี้เอาคืนแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำตรงนี้ ยืนยันไม่เกี่ยวกับการเมือง ทุกคนทำตามหน้าที่ ถ้าเกี่ยวข้องการเมือง ผมต้องรู้เรื่อง ต้องลงไปสั่ง ต้องขอให้เขาทำโน่นทำนี่ แต่ไปเช็กดูได้ว่าไม่มี” นายอนุทินกล่าว

“ทวี” ห่วงปมร้อนทำพรรคร่วมฯร้าว

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงปัญหาที่ดินเขากระโดงว่า เรื่องนี้เคยอภิปรายในสภาฯ อยากรักษาบรรยากาศของพรรคร่วมรัฐบาล ทราบว่าประชาชนห่วงใยเรื่องนี้ ประเด็นข้อกฎหมายกระบวนการ ยังไม่จบ เชื่อว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เมื่อถามว่าคำสั่งศาลปกครองยังไม่สิ้นสุด ยังมีกระบวนการอื่นอีกหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า แม้แต่กระบวนการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินยังไม่จบ เมื่อมีคณะกรรมการที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับซี 9 ไม่ใช่ระดับอธิบดี ต้องไปที่กระทรวงคมนาคม มีสิทธิโต้แย้ง ถือว่าอยู่ในกระบวนการ ใครจะไปเอาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมไม่ได้แล้ว เพราะมีคำวินิจฉัยจากศาลไปแล้ว อีกทั้งไม่ใช่ที่ดินเล็กๆ 2 ข้างทางรถไฟมีพื้นที่กว้างฝั่งละ 1 กม. ยาว 8 กม. ศาลมีคำวินิจฉัยไว้แล้ว เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม นายสุริยะเพิ่งมาใหม่ต้องเข้าไปดู

อธิบดีที่ดินยันยึดตามคำสั่งศาล

ด้านนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ให้สัมภาษณ์ว่า ทุกอย่างดำเนินการไปตามที่ศาลปกครองสั่ง เรื่องการเพิกถอนต้องมีคณะกรรมการดำเนินการเพิกถอน ที่ผ่านมาตั้งคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ส่วนการรังวัดได้รับรายงาน ทำตามกระบวนการขั้นตอนเรียบร้อยหมดทุกอย่าง เมื่อถามถึงกรณีกระทรวงคมนาคมจะยื่นคัดค้านกรมที่ดินยกเลิกการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง นายพรพจน์กล่าวว่า การแถลงข่าวตอนแรกอาจไม่ได้พูดถึงเรื่องรังวัด แต่อยู่ในรายงานของคณะกรรมการ ระหว่างวันที่ 2-26 ก.ค.67 ทำงานร่วมกันระหว่างกรมที่ดินในพื้นที่และ รฟท. และวันนี้กรมที่ดินได้ออกข่าวชี้แจงเรียบร้อยแล้ว ยืนยันทำตามหลักกฎหมาย ไม่มีอะไรที่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย เป็นไปตามคำสั่งของศาลทุกประการบนข้อเท็จ ที่เกิดตามหน้างานจริง เมื่อถามว่ากระทรวงคมนาคมมีท่าทีคัดค้าน กรมที่ดินต้องชี้แจงหรือไม่ นายพรพจน์กล่าวว่า คงไม่ เพราะทุกอย่างที่ทำมารายงานต่อศาลปกครองตามคำสั่งของศาล ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงคงไม่ต้องมาต่อสู้อะไรกัน

ชี้แค่สื่อสารไม่ตรงเชื่อจับเข่าคุยจบ

นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการ กฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงคำพิพากษาศาลปกครอง ให้เพิกถอนที่ดินเขากระโดง อ.เมืองบุรีรัมย์ แต่อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งไม่เพิกถอนว่า โดยหลักแล้วเมื่อศาลมีคำพิพากษาต้องปฏิบัติไปตาม ส่วนความขัดแย้งระหว่าง รฟท.กับกรมที่ดิน เป็นปัญหาการสื่อสาร หากลำดับดีๆหน่วยงานมาร่วมกันชี้แจงคิดว่าตรงกันได้ และไม่ใช่เรื่องว่าคำพิพากษาของศาลหรือคำสั่งอธิบดี ใครใหญ่กว่าใคร ไม่ควรพูดกันคนละที น่าจะตั้งโต๊ะร่วมกันและพูดกันเสียทีเดียว จะได้เข้าใจว่าเดิมที่มาที่ไปเป็นอย่างไร โดยหลักการต้องยึดตามคำพิพากษาของศาลปกครอง ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน แต่กระบวนการและขั้นตอนยังไม่ตกลงกันให้ชัดเจน ไม่ได้มานั่งจับเข่าคุยกัน ถ้ามาจับเข่าคุยกันคงไม่เป็นปัญหามากนัก หากพูดคุยกันคงไม่จบลงที่การฟ้องร้อง เพราะที่หลวงคือที่หลวง ที่เอกชนคือที่เอกชนแค่นั้นเอง แก้ปัญหาสมมติเป็นที่หลวงแล้วให้เอกชนไปอยู่ จะมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร เช่น ให้เขาเช่าราคาถูก อย่างนี้ทำกันเป็นปกติกรณีที่ราชพัสดุ อย่างกรณีอยู่มานานจนคิดว่าเป็นที่ตัวเอง พอพิสูจน์สิทธิ์ได้ว่าเป็นของใครก็ทำตามกติกา เรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันหรอก แค่คุยกันคนละทีสองที เมื่อถามว่าคำพิพากษาศาลปกครองเคลียร์แล้วใช่หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม แต่น่าจะชัดเจนอยู่

กมธ.ที่ดินถกด่วนปมเขากระโดง

ที่รัฐสภา นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน (ปชน.)โฆษกคณะ กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาฯกล่าวว่า วันที่ 13 พ.ย. เวลา 09.30 น. จะประชุมคณะ กมธ. ที่ดินหารือเรื่องนี้เร่งด่วน อาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อไป จากการติดตามข่าวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ต้องยอมรับว่านายอนุทินกำกับดูแลกรมที่ดิน จะอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้เสียทีเดียว ดังนั้น ต้องเรียกมาพิจารณาตรวจสอบถึงข้อมูลดังกล่าวว่า เมื่อมีคำพิพากษาแล้วทำไมถึงไม่ดำเนินการตามคำพิพากษา เพราะที่สุดแล้วทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย

“มาริษ” ยัน MOU44 ไม่เสียดินแดน

อีกเรื่อง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 44 จนสร้างความสับสนแก่สังคมว่า MOU 44 เป็นข้อตกลงชั่วคราวระหว่างไทย-กัมพูชาเพื่อวางกรอบและกลไกการเจรจากัน หลังไม่ยอมรับการอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทางทะเลที่แต่ละฝ่ายประกาศ ทำให้เกิดเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะเป็นของไทย ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไทยและกัมพูชาต้องตั้งคณะกรรมการทางเทคนิคหรือ Joint Technical Committee : JTC ขึ้นมาเจรจาพร้อมกัน 2 เรื่องคือการแบ่งเขตทางทะเล และการพัฒนาแหล่งพลังงาน ไม่สามารถแยกการเจรจาได้ ถ้าไทยเรายกเลิก MOU44 ไม่ได้มีผลทำให้เส้นการอ้างสิทธิของฝ่ายกัมพูชาหายไป MOU44 มีมาตรการป้องกันรัดกุมและมีเงื่อนไขบังคับว่าเมื่อการตกลงแบ่งเขตทางทะเลแล้วเสร็จ MOU 44 จะไม่มีผลต่อการอ้างสิทธิทางทะเลของแต่ละฝ่าย เป็นการยืนยันว่าการเจรจาตามกรอบ MOU44 นี้จะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเขตอำนาจอธิปไตยทางทะเลของแต่ละฝ่าย หากเจรจาลุล่วง MOU44 จบไป และจัดทำเป็นความตกลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งร่วมกัน กรณีนี้ต้องนำเรื่องให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ

แนะใช้พื้นที่ “อ้างสิทธิ” แทน “ทับซ้อน”

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 สามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้หรือไม่ว่าตามหลักการทำเอ็มโอยู มีจุดเริ่มต้นจาก 2 ประเทศว่าจะคุยกันเรื่องอะไร ถามว่าการยกเลิกเอ็มโอยูฝ่ายเดียวทำได้หรือไม่ ทำได้แต่ไม่ควร เพราะมีผลกระทบมาก ต้องให้เกียรติกันเริ่มด้วยกัน เวลายกเลิก หลักการต้องพูดคุยกัน เรื่องดินแดนทับซ้อนกันไม่ได้ ดินแดนใครดินแดนมัน แต่ระหว่างเรากับประเทศเพื่อนบ้าน พื้นที่ที่ยังคุยกันไม่ตกลงว่าเป็นดินแดนของใคร จะใช้คำว่าทับซ้อนไม่ได้มันผิด ต้องใช้คำว่าพื้นที่อ้างสิทธิ ต่างคนต่างอ้าง ฉะนั้น เอ็มโอยูที่ทำขึ้นกับเพื่อนบ้าน เราตกลงกันว่าจะคุยกันถึงแนวทางการกำหนดแนวเขตที่ชัดเจน แต่ยังไม่เป็นที่ยุติ เป็นเพียงกรอบการหารือ แนะนำให้สื่อมวลชนใช้คำว่าพื้นที่อ้างสิทธิ ต่างคนต่างอ้าง ยังไม่ได้มีของใครเป็นของใครแน่ การใช้คำว่า “ทับซ้อน” ไม่เป็นผลดีต่อประเทศในระยะยาว จะมีคนเอาไปอ้างหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้น ต้องไปขึ้นองค์กรระหว่างประเทศเพื่อวินิจฉัย จะหยิบยกไปอ้างได้ แต่หากเราคุยกันเป็นพื้นที่ต่างคนต่างอ้างสิทธิ เป็นประโยชน์กับประเทศมากกว่า และจะเป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้คำว่าพื้นที่อ้างสิทธิมาตลอด ไม่เคยใช้คำว่าพื้นที่ทับซ้อน

มติ พปชร.ยื่นหนังสือจี้นายกฯ ยกเลิก

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นประธานการประชุมกรรมการบริหารพรรค ต่อมาเวลา 14.45 น.หลังการประชุม พล.อ.ประวิตรเพียงแต่ยิ้ม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ข้อถกเถียงเอ็มโอยู 44 จากนั้นนายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค พปชร.แถลงว่า พรรคจะทำหนังสือเปิดผนึกส่งถึงนายกฯและ ครม.ภายในสัปดาห์นี้ หลังนายกฯ ยังคงยืนยันเดินหน้าเอ็มโอยู 44 เรียกร้องให้ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อยกเลิกเอ็มโอยู 44 เร่งด่วน รวมไปถึงให้ดำเนินการแก้ปัญหาเขตอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูด ต้องยึดตามกฎหมายทะเลที่เป็นสากลและเจรจาเฉพาะเขตแดนทางทะเลให้เสร็จสิ้นก่อน ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร.แถลงว่า พล.อ.ประวิตร มีนโยบายชัดเจนจะทำทุกวิถีทางให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 และรักษาไว้ซึ่งผืนแผ่นดินไทย ประเทศอื่นจะมาใช้กรรมสิทธิ์ร่วมไม่ได้โดยเด็ดขาด พรรค พปชร.เคลื่อนไหวมาตลอด 1 เดือน ที่ประชุม กก.บห.จึงมีมติยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกฯเพื่อให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44

เลขาฯ พท.ยันพร้อมสู้ 6 ข้อกล่าวหา

ที่ทำเนียบรัฐบาลนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรค พท. ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุการทานข้าว 6 พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากนายกฯ เป็นเพียงการกินมาม่าว่า วันที่เป็นข่าวเอาตรงๆไม่มีคนของพรรค พท.อยู่ในที่เกิดเหตุเลย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค พท. แต่เป็นสมาชิกพรรค เมื่อถามว่า อัยการสูงสุดได้ทำหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญกรณีนายทักษิณและพรรค พท.ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิ์และเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นายสรวงศ์ตอบว่า เราพร้อมต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ไม่เกี่ยวอะไรกับ ครม.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะผู้ถูกร้องคือนายทักษิณและพรรค พท. ชี้แจงได้หมดทั้ง 6 ข้อกล่าวหา นายทักษิณไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรค พท. ยกเว้นเป็นพ่อหัวหน้าพรรค พท.

มีมติพรรคชงชื่อนายกฯตามขั้นตอน

เมื่อถามว่า กรณีมีชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ จะถูกเสนอโหวตให้เป็นนายกฯ แต่สุดท้ายมีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะเป็นข้อต่อสู้ด้วยใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวเลย ทราบจากข่าวมีการเคาะชื่อนายชัยเกษม ตนเป็นเลขาธิการพรรค ได้พูดคุยว่าจะมีการประชุมพรรคเกิดขึ้นในตอนเช้าอีกวัน พรรคมีมติให้กรรมการบริหารพรรคมาประชุม เพื่อสรรหาผู้ที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ ให้เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง ส่วนกรณีนายทักษิณลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานีหาเสียง ความจริงแล้วแต่ผู้สมัครขอร้องมา การตั้งผู้ช่วยหาเสียงเป็นอำนาจผู้สมัคร เช่น จ.อุดรธานี ขอมา ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคด้วยซ้ำ นายทักษิณพูดออกสื่อไปแล้วว่าไปช่วยอย่างน้อยคนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา พรรคผู้ส่งลงสมัครถือเป็นอีกกำลังหนึ่งที่ไปช่วยกันได้ เมื่อดูการลงพื้นที่หาเสียงเราค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้วว่าประชาชนน่าจะได้เห็นว่าใครเป็นตัวแทนได้ ส่วนภาคเหนือและอีสานจะเจาะได้หมดหรือไม่ แล้วแต่พื้นที่ เราไม่ได้ส่งทุกจังหวัด

“ทวี” โวย กมธ.มั่นคงตั้งธงดิสเครดิต

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึง กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ เรียกกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ รพ.ตำรวจ ไปชี้แจงการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชั้น 14 ว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไปชี้แจงเรื่องเดียวกันกับ กมธ.อื่น เช่น กมธ.ตำรวจหรือวุฒิสภา ทุกคณะต้องการความรู้ แต่ กมธ.ชุดนี้แปลกเอาคนนอกและสื่อมวลชนเข้ามา จ้องถามเจ้าหน้าที่ อยากให้นำข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่สอบสวน ไม่ใช่ที่มาจ้องหาเศษหาเลย พูดให้รัฐบาลเสียหาย ได้กำชับไปว่าเป็นข้าราชการอย่าไปโต้เถียงทางการเมือง เอาข้อมูลไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือผู้มีอำนาจจะให้ได้ ยินดีให้ความร่วมมือ แต่ต้องเปิดข้อบังคับของ กมธ.สักนิดว่า เมื่อเรื่องนี้เคยสอบสวนแล้ว ผ่านมาแล้วกว่า 10 กมธ.ไม่เห็นรุนแรงขนาดนี้

เรียก “ทักษิณ” เค้นข้อมูลวีไอพีชั้น 14

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.เป็นประธาน กมธ.มีหนังสือนัดประชุมวันที่ 22 พ.ย.เวลา 09.30 น. ประชุมติดตามตรวจสอบกรณีกรมราชทัณฑ์ให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พักรักษาตัวใน รพ.ตำรวจ มีการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่ ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อ กมธ. ได้แก่ นายทักษิณ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พล.ต.ท.โสภณรัชจ์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ นายวัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผอ.ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ น.ส.รวมทิพย์ สุภานันท์ นพ.ชำนาญพิเศษ รพ.ราชทัณฑ์ นายวิชัย วงศ์ชนะภัย ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่