“ศิริกัญญา” มองอดีตคนการเมืองนั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ไม่ใช่ปัญหา ขึ้นอยู่กับจุดยืนการทำงาน ตั้งข้อสังเกตอาจรอให้หมดระยะเวลา 1 ปีหรือไม่ แนะรอดูตั้ง คกก.สรรหาผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์หลังมีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการสรรหามีมติให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ) โดยระบุว่าส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาว่าใครจะเป็นคนของพรรคการเมือง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องสกปรก แต่อยู่ที่ว่าคนที่เข้ามามีเจตจำนงที่จะทำอะไร หากย้อนอดีตไป นอกจาก ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ที่เคยใกล้เคียงการเมืองก็ยังมีนายวีรพงษ์ รามางกูร ที่มีความสนิทกับพรรคเพื่อไทย จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มาก่อนหน้านี้ ซึ่งจะปฏิเสธไม่ได้ว่าบุคคลเหล่านี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองทางใดทางหนึ่ง แต่ตัวนายกิตติรัตน์ อาจจะเคยมีประวัติที่เคยพูดในสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าอยากจะปลดนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อไปว่า ตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายอะไรมากนัก จะมีเพียงแค่การเสนอชื่อ เสนอปลดผู้ว่าการแบงก์ชาติ การเสนอชื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน หรือคณะกรรมการนโยบายชำระเงิน เป็นต้น ตอนนี้จึงยังไม่เห็นปัญหาอะไรจนกว่าจะมีการเสนอชื่อผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่
ทั้งนี้ อยากตั้งข้อสังเกตถึงคณะกรรมการสรรหาทั้ง 7 คน ว่าไม่มีตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมด้วย แต่เป็นข้าราชการประจำหมดเลย จึงมีแนวทางที่กำหนดไว้ ไม่แปลกใจที่นายกิตติรัตน์ จะเข้าวินในตำแหน่งนี้ ขณะเดียวกัน ยังมีข้อสังเกตที่ประธานบอร์ดคนเก่าหมดวาระไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 แต่ทำไมยังไม่มีการสรรหา ตนมองว่าอาจจะเป็นการรอให้หมดระยะเวลา 1 ปี หรือระยะตามเวลาที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากนายกิตติรัตน์ เคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ ย่อมมีการให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าเป็นข้าราชการการเมืองอีกหรือไม่ เพื่อที่จะเคลียร์ทุกเปราะทุกประเด็นที่จะทำให้นายกิตติรัตน์ มีคุณสมบัติไม่ผ่าน แต่หากมองตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ยังคงขัดอยู่
...
ส่วนการทำงานในกรรมการชุดนี้จะเป็นอย่างไรนั้น น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า ขึ้นอยู่กับนายกิตติรัตน์ ว่าจะกำกับดูแลแบงก์ชาติไปในทิศทางไหน ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็มีแนวนโยบายที่จะใช้เงินสำรองระหว่างประเทศ เพื่อตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งของชาติ ก็ต้องดูว่าในฐานะประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จะเข้าไปมีบทบาทในการออกหลักเกณฑ์อย่างไร หากมีการดำเนินนโยบายดังกล่าว นอกจากนี้ จะมีการเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลก็มีความเชื่อในความอิสระของธนาคารกลาง การเข้ามาครั้งนี้ นายกิตติรัตน์ จะมีท่าทีในการแก้ไขอย่างไร จะทำให้รัฐบาลสามารถเข้ามาแทรกแซงการทำงานของแบงก์ชาติได้เลยหรือไม่.