“สรวงศ์” เลขาฯ เพื่อไทย ยัน พร้อมชี้แจง 6 ข้อกล่าวหาปมล้มล้างการปกครอง มอง หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับ ครม.แพทองธาร ชี้ ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรฯ ร้องขอ “ทักษิณ” ไปช่วยหาเสียง ไม่มีนัยอะไร
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุเรื่องการทานข้าวร่วมกับ 6 พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงการกินมาม่า ว่า วันที่เป็นข่าวเอาตรงๆ ว่าไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยอยู่เลย ตนไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้จริงๆ ซึ่งในวันนั้น น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็กำลังเดินทางอยู่บนเครื่องบิน ส่วนตนอยู่ที่รัฐสภาเคลียร์เรื่องกระทู้ ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ก็ไม่ได้เข้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า ท่านไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย แต่เป็นสมาชิกพรรค
ส่วนคำถามถึงกรณีอัยการสูงสุดได้ทำหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นายสรวงศ์ กล่าวว่า ก็ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร เรายืนอยู่บนความตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไร เราก็พร้อมที่จะต่อสู้ในแง่มุมของความบริสุทธิ์ใจ เมื่อถามอีกว่าหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง จะมีผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายสรวงศ์ ร้องอุทานขึ้น ก่อนกล่าวว่า ในข้อกฎหมายตนไม่ทราบจริงๆ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ตนมองว่าก็ไม่เกี่ยวอะไรกับ ครม. เพราะเกี่ยวข้องกับผู้ถูกร้อง คือนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย
...
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยืนยันใช่หรือไม่ว่าสามารถชี้แจงได้หมดทั้ง 6 ข้อกล่าวหา นายสรวงศ์ ตอบว่า จริงๆ ก็ชี้แจงได้หมดทั้ง 6 ข้อกล่าวหา นายทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคเพื่อไทย ยกเว้นเป็นบิดาของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแค่นั้น ทางด้านกรณีที่มีชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะถูกเสนอโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายมีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร จะเป็นข้อต่อสู้ด้วยใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวเลย เพราะอย่างที่สื่อมวลชนเห็นกันอยู่แล้ว ข่าวที่ออกมาตนก็รับทราบจากสื่อมวลชนว่ามีการเคาะชื่อ นายชัยเกษม ออกมา แต่ในส่วนที่ตนเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เราก็มีการพูดคุยว่าจะมีการประชุมพรรคเกิดขึ้นในตอนเช้าของอีกวัน ภายหลังสื่อมีการนำเสนอชื่อ ซึ่งพรรคก็มีมติให้กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มาประชุมเพื่อสรรหาผู้ที่จะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง
สำหรับกรณีที่ นายทักษิณ จะลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี หาเสียง หลังจากนี้พรรคเพื่อไทยมีวางโปรแกรมไว้หรือไม่ว่าจะให้ นายทักษิณ ไปช่วยหาเสียงในจังหวัดที่มีผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ เผยว่า ก็แล้วแต่ผู้สมัคร ขอร้องมา เพราะการตั้งผู้ช่วยหาเสียงเป็นอำนาจของผู้สมัคร เช่น ที่จังหวัดอุดรธานี นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี นายทักษิณ ก็ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ ซึ่งมีการเชิญมา ท่านก็ตอบตกลง ก็ไปช่วยหาเสียง
เมื่อถามย้ำว่าหากผู้สมัครคนใดอยากเชิญ นายทักษิณ ก็ประสานมาที่พรรคเพื่อไทยได้ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเป็นการเชิญส่วนตัวด้วย ก็อย่างที่บอก การจัดตั้งผู้ช่วยหาเสียงขึ้นอยู่กับตัวผู้สมัคร ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคด้วยซ้ำ แต่เป็นเรื่องของผู้สมัครที่ต้องการจะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียง ผู้สื่อข่าวจึงถามอีกว่า การที่นายทักษิณ ลงไปช่วยหาเสียงสร้างความมั่นใจมากขึ้นหรือไม่ นายสรวงศ์ ตอบว่า ต้องถามผู้สมัคร แต่ในส่วนของพรรคที่เป็นผู้ส่ง ก็ถือว่าเป็นอีกกำลังหนึ่งที่ไปช่วยกันได้ และเมื่อดูจากการลงพื้นที่หาเสียง เราก็ค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้วว่าประชาชนน่าจะได้เห็นว่าใครอยู่ในพื้นที่ ใครไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หรือใครที่สามารถเป็นตัวแทนของท่านได้
ในประเด็นคำถามว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถเจาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานได้หมดใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า ก็แล้วแต่พื้นที่ที่เราส่ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ส่งทุกจังหวัด จะส่งในจังหวัดที่เราคิดว่าผู้สมัครสามารถที่จะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนได้ และเป็นที่ตกผลึกของ สส. ในจังหวัดนั้นๆ โดยในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จังหวัดอุดรธานี เป็นฐานเสียงที่แข็งแกร่งของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้วทำไม นายทักษิณ ยังต้องลงไปช่วยหาเสียง มีนัยอะไรหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก ก็อย่างที่บอกผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี อยากให้นายทักษิณ ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง ก็มีการเชิญเป็นการส่วนตัวไปช่วยปราศรัย ซึ่งนายทักษิณ ก็พูดออกสื่อไปแล้วว่าจะไปช่วย อย่างน้อยก็คนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา.