ต่างฝ่ายต่างส่งทัพหลวงเพื่อต้องการชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ก็เลยทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีราคาขึ้นมาทันที
ปกติการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับนี้พรรคการเมืองไม่ค่อยใส่ใจเท่าใดนัก ปล่อยให้บ้านใหญ่ในพื้นที่ว่ากันเอง
พูดง่ายๆว่าแทบจะต้องไม่วิตกทุกข์ร้อนแต่อย่างใด ได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่มีปัญหา
แต่ระยะหลังมานี้พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่อย่างอนาคตใหม่ ก้าวไกลหรือประชาชนที่ให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจ
องค์กรส่วนท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้งจึงถูกยกระดับความสำคัญมากขึ้น
พรรคการเมืองอื่นๆจึงขยับตัวตามเพราะมองทะลุแล้วว่า
การเลือกตั้งระดับนี้ถือเป็นฐานสำคัญต่อการเมืองระดับชาติได้
เพราะใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด และถ้าสร้างกระแสความ นิยมได้ก็จะมีส่วนทำให้ได้ สส.แน่นอนขึ้น
จึงไม่แปลกที่บรรดานายก อบจ.หลายจังหวัดได้ลาออกก่อนครบวาระ เพราะถ้าเลือกตั้งพร้อมกันทั้งประเทศ
จะมีกระแสหลักเป็นเข็มทิศชี้นำการเลือกตั้งได้
การที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องลงทุนเดินทางไปช่วยหาเสียงให้ “ศราวุธ เพชรพนมพร” ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ก็เพราะเหตุผลนี้อย่างหนึ่ง
อีกทั้งคู่แข่งคือพรรคประชาชนที่ส่ง “คณิศร ขุริรัง” ก็ส่งทัพหลวงลงไปช่วยหาเสียงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”-“ปิยบุตร แสงกนกกุล”-“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และแกนนำสำคัญอีกหลายคน
พูดง่ายๆว่าต่างฝ่ายต่างก็ต้องการชนะเนื่องจากจังหวัดนี้มีความสำคัญต่อภาคอีสานมาก โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” ถือเป็นเมืองเสื้อแดงก็ว่าได้
ที่สำคัญก็คือแพ้ไม่ได้เพราะจะต้องเป็นตัวชี้วัดการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย
“ประชาชน” นั้นถ้าแพ้ก็ยังพอทำเนาเพราะที่ผ่านมายัง
...
ไม่สามารถชนะเลยสักแห่ง แต่ถ้าที่นี้ชนะก็มีความหมายยิ่ง
คือตีเมืองหลวงของ “เพื่อไทย” แตก!
ถ้าดูตามหน้าเสื่อแล้ว “เพื่อไทย” ยังเป็นต่ออยู่มาก เนื่องจากเป็นฐานเสียงเดิมที่มีคนเสื้อแดงเป็นผู้สนับสนุนหลักและมีจำนวนมาก
การมาของ “ทักษิณ” เท่ากับเป็นการมาเยือนของ “สหายเก่า” ที่ห่างหายไปเป็นเวลากว่า 17 ปี เนื่องจากลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
ว่าถึงที่สุดก็คือ “กลับบ้านเก่า”...ว่างั้นเถอะ
แน่นอนว่าจะต้องมีการเกณฑ์มวลชนมาต้อนรับให้มากที่สุดแกนนำเสื้อแดงบางคนบอกว่าจะมากันเป็นแสน
เพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้!
และยังเสริมบารมีให้ “นายใหญ่” อีกด้วย
เพราะสถานภาพของ “ทักษิณ” ณ เวลานี้ไม่ค่อยจะดีนักในรัฐบาลเองก็ถูกพรรคร่วมกดดันหลายเรื่อง
ที่สำคัญคือแรงกดดันทางการเมือง เนื่องจากถูกร้องจากบรรดานักร้องสารพัดทิศ เวลานี้เรื่องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ข้อหาหนักก็คือล้มล้างการปกครองและครอบงำพรรคการเมือง
พูดง่ายๆว่าด้านหนึ่งยังมีบารมีการเมือง แต่อีกด้านหนึ่งก็ถูกลูบคมไม่ต่างกันจึงจำเป็นที่จะต้องเสริมใยเหล็กเพื่อปกป้องตัวเอง
แน่นอนว่ารัฐบาลปัจจุบันที่ “แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวเป็น นายกรัฐมนตรี จึงต้องปกป้องและคุ้มครองให้เดินไปข้างหน้าให้ได้
เป็นภารกิจที่เขาจะต้องทำให้สำเร็จ
ฉากทัศน์ใหม่ที่เขาจะต้องทุ่มเทสุดกำลัง!
"สายล่อฟ้า"
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม