“นายกฯ แพทองธาร” ประชุมเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น กำชับ เช็กอินต้องเร็วไม่ทำนักท่องเที่ยวเสียแพลน พร้อมย้ำดูแลความปลอดภัย ล่าสุด บินไปประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคแล้ว


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เพื่อตรวจติดตามการดำเนินการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น (High Season) โดยเมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีได้ตรวจแถวอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว (Tourist Police Volunteer) โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และคณะกรรมการบริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ บอร์ด AOT รอต้อนรับด้วย จากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นร่วมกับคณะ

...

นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมว่า อยากให้ทุกคนทราบการท่องเที่ยวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของบ้านเรา และถือเป็นนโยบายของประเทศไทย เราจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในทุกภาค เพราะนอกจากจะเป็นนโยบายหลักแล้ว เราก็อยากเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในหลายๆ ประเทศ เพื่อที่จะให้มีความพร้อมจริงๆ อย่างที่รู้ว่าคนต่างชาติประทับใจคนไทยทั้งในเรื่องของเซอร์วิสและการดูแลต่างๆ ที่คนไทยมี ซึ่งตนอยากจะขอเน้นย้ำในเรื่องของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อยากให้ผู้บังคับบัญชาทุกคนช่วยกันดู เพราะเจ้าหน้าที่ของเราทำงานหนัก โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น ซึ่งหน้างานมันเหนื่อยมาก อย่างตำรวจเองทุกที่และทุกปีเหนื่อยมาก ก็อยากให้ดูแลในส่วนนี้

“นักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงนี้ ขอให้ดูเรื่องการเช็กอินให้มีความรวดเร็วอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจจะมีความล่าช้าเพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น แต่ก็อย่าให้ช้าจนเสียแพลนที่นักท่องเที่ยววางไว้ ซึ่งทราบมาว่ามีเครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้เกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี นอกจากนี้ ในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ต้องขอเพิ่มเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการดูแลนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น วันนี้ที่มาคุยกันทุกภาคส่วน เพราะทุกๆ ที่นั้นมีความสำคัญ เราก็มาดูกันว่ามีอะไรตรงไหนที่จะต้องปรับปรุงเพิ่มเติม”

ต่อมานายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมระบบตู้ข้อกำหนดสำหรับการเช็กอินด้วยตนเอง (Self Service Check-In : KIOSK) และจุดโหลดกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยว พร้อมตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ในการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลด้วยการสแกนใบหน้าของผู้โดยสารด้วยระบบ Biometric บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินสุวรรณภูมิ

จากนั้น น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์หลังการตรวจความพร้อม ยังมีอะไรที่ยังกังวลในช่วงไฮซีซั่นอยู่หรือไม่ ว่า ไม่มีความกังวลอะไร เพราะทุกหน่วยเตรียมพร้อมเต็มที่มากๆ แค่กำชับการฟิตร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ส่วนเรื่องของระบบของสนามบินหรือของตำรวจ ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงทุกฝ่ายเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เพราะทุกคนตระหนักดีว่านี่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ ทุกฝ่ายเต็มที่แน่นอน

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาเรื่องระบบตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้ระบบมีความพร้อมแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า ระบบตอนนี้พร้อมขึ้นเยอะ ตนได้ถามผู้ที่เกี่ยวข้องว่าหากเกิดปัญหาได้มีการเตรียมแผนอื่นไว้หรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ระบุว่าได้เตรียมไว้หมดแล้ว และหากจำนวนปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มปริมาณมากขึ้นก็ไม่ต้องห่วง เพราะเราพร้อมที่จะเป็นฮับการท่องเที่ยว

ส่วนคำถามว่ามีการตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวในปีนี้อย่างไร น.ส.แพทองธาร เผยว่า ตอนนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาใกล้เคียงกับปี 2019 (ปี พ.ศ. 2562) แล้ว แต่อาจจะมีการเปลี่ยนเชื้อชาติที่เดินทางเข้ามา ซึ่งพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากอินเดียเพิ่มมากขึ้น จากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้นโยบายฟรีวีซ่า ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น 140% ส่วนคนจีนลดบ้างนิดหน่อย แต่มีการเลือกซื้อและเลือกเที่ยวมากขึ้น ทั้งนี้ ถือว่าเส้นกราฟไปได้ดี และหวังว่าปีนี้การท่องเที่ยวจะกระจายไปในทุกพื้นที่ตลอดช่วงไฮซีซั่น

ผู้สื่อข่าวถามต่อไป มีการกำชับ ททท. อย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวให้ดูเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทยจะต้องรู้สึกปลอดภัย รวมถึงเรื่องความสะอาด เรื่องวัฒนธรรม ที่เราจะพยายามขายเสน่ห์ของเราให้ได้เยอะๆ ให้ต่างชาติรู้จักเราในมุมต่างๆ มากยิ่งขึ้น

ทางด้านคำถามว่ารอบนี้ไปต่างประเทศหลายวัน ฝากงานอะไรกับรองนายกรัฐมนตรีไว้บ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีหลายท่านทราบอยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง เช่น นายสุริยะ ก็ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องการเดินทางของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นรถบัส รถประจำทาง พนักงานขับรถ ว่ามีมาตรการอย่างไรก็ขอให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่จะดูแลทุกๆ คน ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ

จากนั้นเวลา 19.00 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ไปยังนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 10-18 พฤศจิกายน 2567.