“ภูมิธรรม” นำทีมลงเกาะกูด ย้ำเป็นเขตอธิปไตยของไทย ฉะพวกปั่นแอบแฝงทาง การเมือง “ทักษิณ” ออกโรงแจงเอง MOU 44 ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แค่แนวทางพูดคุยปมที่ยังตกลงกันไม่ได้ ยันความสัมพันธ์กับอดีตผู้นำกัมพูชา เรื่องเพื่อนส่วนเพื่อน แต่ผลประโยชน์ชาติต้องมาก่อน ประกาศเดินสายพบพี่น้องชาวอุดรที่ไม่เคยลืมกัน พร้อมขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ของพรรคเพื่อไทยหาเสียง มั่นใจคนอุดรไม่เคยลืมกัน “วรชัย” บอกถ้าไม่ใช้ “บิ๊กบอส” เท่ากับเสียโอกาส “ปิยะ” หยอด “ลุงป้อม” ยังมีเยื่อใยอันดีกับ “นายใหญ่” “อิ๊งค์” บินร่วมเวทีผู้นำเอเปค กรุงลิมา มุ่งดึงดูดนักลงทุน

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกโรงแจงกรณีมีการหยิบยกประเด็นเอ็มโอยู 44 ขึ้นมาโจมตีรัฐบาล ว่าไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นตกใจ เป็นเพียงแนวทางคุยกันในเรื่องที่ยังตกลงกันไม่ได้ พร้อมยืนยันถึงความสัมพันธ์กับอดีตผู้นำกัมพูชาว่า ความเป็นเพื่อนก็คือเพื่อน แต่ผลประโยชน์ของประเทศ ชาติต้องมาก่อน

“ภูมิธรรม” ย้ำเกาะกูดเป็นของไทย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 พ.ย. ที่ อ.เกาะกูด จ.ตราด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กำชับนโยบายด้านความมั่นคง และให้กำลังใจกำลังพลกองทัพเรือที่ปฏิบัติงานบนเกาะกูด มี พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ นายภูมิธรรมกล่าวขณะตรวจเยี่ยมว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย บนเกาะกูดเป็นเขตอธิปไตยของไทย เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจ และเป็นการดูพื้นที่จริงก่อนนั่งเป็นประธานคณะกรรมการทางเทคนิค หรือ JTC ฝ่ายไทย ตามกรอบเอ็มโอยู 44 (MOU 44) อยู่ระหว่างแต่งตั้งให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบที่ผ่านมามีความเข้าใจผิดของคนบางกลุ่มขอยืนยันได้ว่าพื้นที่ตรงนี้ยังเป็นของไทย เป็นอธิปไตยของไทย มีกองทัพเรือรับผิดชอบทั้งบนบกและทะเล อีกทั้งความสัมพันธ์ตามแนวชายแดน ผู้บังคับหน่วยระดับสูงของไทย-กัมพูชาไปมาหาสู่กันผลัดกันมาเยี่ยมเยือน พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้มีอะไรวิกฤติ หรือน่ากังวล มีความสงบสุข มั่นคงปลอดภัย

...

ฉะพวกปั่นแอบแฝงทางการเมือง

นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้หากใช้วิจารณญาณให้ครบถ้วน จะเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร กังวลเรื่องเดียวอย่าเอาผลประโยชน์พรรคการเมืองที่กำลังต่อสู้กันมากระทบผลประโยชน์ประเทศชาติ อธิปไตยหรือเขตแดนไม่ใช่ของเล่นเฉพาะคนบางส่วน อยากให้คำนึงผลประโยชน์คนไทยเป็นสำคัญ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคยแต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจกัมพูชา นายภูมิธรรมตอบว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เสียงต่อต้านที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองที่ต่อสู้กันมา กรณีนายทักษิณได้รับแต่งตั้งมาเกือบ 20 ปีมาแล้ว และยังเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจประเทศอื่นด้วยไม่ใช่เฉพาะกัมพูชา เพราะเห็นว่านายทักษิณประสบความสำเร็จแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หลายประเทศเชิญไป แต่ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวข้องหรือเป็นปัญหา และจบภารกิจไปแล้ว เรื่องธรรมดาอย่ากังวลและไปปลุกกันมาทุกเรื่อง ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะเดินมางมาเกาะกูดหรือไม่ คงต้องสอบถามนายกฯอีกครั้งเพราะภารกิจมีมาก หากมาได้ท่านคงมา แต่อย่างน้อยในฐานะคณะรัฐมนตรีที่ รับผิดชอบโดยตรง การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ก็เหมือนตัวแทน ครม.ทั้งคณะอยู่แล้ว

“ทักษิณ” ชี้ MOU44 ไม่มีอะไรตื่นเต้น

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหยิบยกประเด็นเอ็มโอยู 44 มาโจมตีรัฐบาลว่าเอ็มโอยู 44 คือบันทึกข้อตกลงที่จะคุยกันในเรื่องที่ยังไม่ได้ตกลงกัน ยังไม่เรียกว่าเป็นข้อตกลงที่ไม่ต้องเข้าสภา เป็นแนวที่จะคุยกันไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย มีกฎหมายรองรับอยู่ ทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในช่วงที่กัมพูชาเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ไม่ต้องตกใจไม่มีอะไรเลย บางคนไม่ทราบว่าเอ็มโอยู 44 คืออะไรแต่ขอตีไว้ก่อน เมื่อถามว่ามีการนำประเด็นดังกล่าวมาโจมตีรัฐบาล นายทักษิณตอบว่า ไม่เห็นมีอะไรให้ตื่นเต้นเลย เมื่อถามย้ำว่ามีการนำเรื่องดังกล่าวไปเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของนายทักษิณกับทางกัมพูชา นายทักษิณตอบว่า เป็นคนละเรื่องกัน “ตอนนั้นเป็นนายกฯ มีปัญหาเรื่องการบุกเผาสถานทูตไทยประจำกัมพูชา ตอนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันเลย แต่ถือว่าผลประโยชน์ประเทศมาก่อน คุยกันว่าถ้าเอาไม่อยู่จะส่งเครื่องบินไปรับ ผมก็ส่งไปรับไม่เห็นมีอะไรเลย ผลประโยชน์ประเทศมาก่อน ความเป็นเพื่อนก็คือเพื่อน แต่ผลประโยชน์ของประเทศคือคนละเรื่องกัน”

“นพดล” ตอก พปชร.เป็น รบ.ไม่ทำ

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีพรรคพลังประชารัฐแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยู 44 นั้น หากยกเลิกจะมีผลดังนี้ 1.ไม่มีกรอบในการเจรจา 2.ทั้งสองฝ่ายจะเข้าไปในพื้นที่อ้างสิทธิ์เพื่อสำรวจทรัพยากรไม่ได้ 3.จะไม่มีข้อตกลงเจรจาการแบ่งเขตแดนทางทะเลและการพัฒนาร่วมกัน ส่วนที่กังวลว่ารัฐบาลจะไปเกี้ยเซียะแบ่งปันผลประโยชน์การมีเอ็มโอยู 44 แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ แล้วจะยกเลิกทำไม ที่ผ่านมาเกือบ 23 ปี ทุกรัฐบาลล้วนมองว่าเอ็มโอยู 44 เป็นกลไกที่มีประโยชน์ในการเจรจา แม้แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยมีมติ ครม.ให้เจรจาตามกรอบเอ็มโอยู 44 หรือแม้แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นประธานกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) มา 8 ปี แล้วทำไมเพิ่งมาบอกว่าเป็นผลเสียต่อประเทศไทยตอนนี้ มันเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่

ตีความกลับกัมพูชายอมรับเส้นไทย

นายนพดลกล่าวอีกว่า เอ็มโอยู 44 ไม่มีผลเสียกับสิทธิ์ด้านเขตแดนของไทย ไม่ได้มีข้อความตอนใดยอมรับเส้นแบ่งเขตแดนที่กัมพูชาประกาศไว้ ขณะเดียวกันเอ็มโอยู 44 ก็มีเส้นแบ่งเขตแดนของไทยอยู่ในนั้น ทำไมจึงไม่ตีความว่ากัมพูชายอมรับเส้นที่ไทยลากบ้าง ส่วนเอ็มโอยู 44 สามารถยกเลิกได้หรือไม่นั้น เอ็มโอยู 44 ไม่ใช่แค่บันทึกความเข้าใจ แต่เป็นสนธิสัญญาเพียงแต่ไม่ต้องขอความเห็นชอบจากสภาก่อนลงนาม ทั้งนี้ ตามหลักกฎหมาย หากเซ็นมานานแล้วไม่สามารถปฏิบัติได้สักที ก็เป็นเหตุให้ฝ่ายหนึ่งสามารถยกเลิกโดยฝ่ายเดียวได้ นอกจากนี้หากการเจรจาไม่สำเร็จ ในเอ็มโอยู 44 ระบุไว้ว่าจะไม่กระทบการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของแต่ละฝ่ายเป็นการล็อกไว้สองชั้นเหมือนใส่หมวกกันน็อกนั่งอยู่ในรถเก๋ง

“ทักษิณ” เป็นประธานทอดกฐินวัดคลองครุ

เวลา 09.00 น. ที่วัดคลองครุ (ปัฐวิกรณ์) เขตคันนายาว กทม. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีทำบุญทอดกฐินสามัคคี ที่นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม และ น.ส.ชญาดา วิภัติ ภูมิประเทศ สก.เขตคันนายาว เป็นประธาน มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมงาน มียอดจัตุปัจจัยรวมเป็นเงินประมาณ 2.2 ล้านบาท ทั้งนี้ นายนายทักษิณได้ถวายผ้ากฐินและถวายตาลปัตรที่ปักชื่อ “ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี”

มั่นใจคนอุดรฯ ไม่มีวันลืมเพื่อไทย

ต่อมานายทักษิณให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี (อบจ.) พรรคเพื่อไทยหาเสียงว่า แค่ไปเยี่ยมประชาชนที่ไม่เคยลืมกัน ไปอยู่เมืองนอกตั้ง 17 ปีเขาไม่เคยลืม จึงขอไปเยี่ยมสอบถามสารทุกข์สุกดิบ เมื่อถามว่าจะมีไปที่ไหนอีกบ้าง นายทักษิณตอบว่า ต้องดูภารกิจทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด คงไปเยี่ยมประชาชนเรื่อยๆ ค่อยดูกันอีกทีว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่อยากไปเยี่ยมทุกที่ที่เขาไม่ลืมเรา ส่วนการลงพื้นที่กรุงเทพฯต้องคอยดูเหตุการณ์เช่นกัน เมื่อถามว่าการขึ้นเวทีที่ จ.อุดรธานี จะเป็นการปราศรัยครั้งแรกหลังจากกลับเมืองไทย นายทักษิณตอบว่า ไม่รู้ยังทำเป็นหรือไม่ลืมไปหมดแล้ว ไม่ได้ปราศรัยมา 18 ปี เดี๋ยวไปลองดู แต่หลักๆ เป็นการทักทายประชาชน ไม่มีการปราศรัยโจมตี มีแต่ความเป็นห่วงเป็นใย เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้คาดหวังว่าจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า มั่นใจว่าคนอุดรฯไม่เคยลืมพรรคเพื่อไทย และยังจำตนได้ ส่วนจะชนะหรือไม่ แล้วแต่ประชาชน เมื่อถามว่าต้องแข่งกับพรรคประชาชน นายทักษิณตอบว่า การแข่งขันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นความสวยงามของระบบประชาธิปไตย

ป้อง “ลูกสาว” อยากโจมตีมาที่พ่อ

นายทักษิณยังกล่าวถึงกระแสต่อต้านการทำงานของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ว่า เป็นธรรมดา อย่าเรียกว่ากระแสดีกว่า เป็นกลุ่มผู้คนที่ส่วนใหญ่เป็นขาประจำ เมื่อถามว่าจะให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร อย่างไรเพราะทำงานเพียงไม่นานก็ถูกโจมตี นายทักษิณตอบว่า เป็นเรื่องธรรมดา น.ส.แพทองธารเห็นมาตั้งแต่เด็กว่าการเมืองไทยเป็นอย่างนี้แหละ เมื่อถามว่าแต่มีการนำประเด็นของนายทักษิณไปโจมตีด้วย นายทักษิณตอบว่า ไม่เป็นไร แต่โจมตีตนคนเดียวดีกว่าง่ายดี เพราะไม่ได้เป็นอะไร เมื่อถามว่าประเมินการทำงานของ น.ส.แพทองธาร เป็นอย่างไรบ้าง นายทักษิณตอบว่า ดี มุ่งมั่น รู้เรื่องราวของประเทศได้เร็วมาก เมื่อถามว่ามองว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะทำงานกันได้อย่างเข้มแข็งหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า ไม่มีอะไร นายกฯเรียกประชุมก็เห็นทำงานร่วมกันดี

เมินร้องยุบ พท.มีหน้าที่ทำงานไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นเรื่องชั้น 14 จะส่งผลกระทบกับรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า มันมี 14 15 16 และ 17 ไม่มีอะไรหรอก จะหาเรื่องกันก็หาเรื่องกันเรื่อยๆ ไม่เป็นไร คนจะหาเรื่องก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุพร้อมเป็นพยาน นายทักษิณตอบว่า “เอาเถอะ ทำอะไรก็ทำเถิด เรารู้อยู่แต่ละคนมีวัตถุประสงค์อะไร เฉยๆไปหมดแล้ว เย็นไว้โยม แก่แล้ว” เมื่อถามย้ำว่าประเด็นคำร้องที่มีต่อพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องกังวลอะไรใช่หรือไม่ นายทักษิณส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า “ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล เราทำในสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายตามประเพณีปฏิบัติ ไม่ต้องสนใจอะไร เราก็ทำงานไป คุณอยากร้องก็ร้องไป ไม่เป็นไร” เมื่อถามถึงการเรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปทานข้าวที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายทักษิณตอบสั้นๆว่า “ไม่ใช่เลย ไปกินมาม่า มาม่าอร่อย”

“บิ๊กป้อม” ยังมีเยื่อใย “นายใหญ่”

ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาร่วมงานบุญ สื่ออย่าไปตกใจเรื่องที่จะเจอกับนายทักษิณ เจอกันประจำอยู่แล้ว เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ฝากอะไรถึงนายทักษิณหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะตอบว่า ไม่ได้ฝาก แต่ที่จริง พล.อ.ประวิตรระลึกถึงนายทักษิณมาโดยตลอด เป็นคนเคยรู้จักกัน มีเยื่อใยอันดีต่อกัน อยู่คนละพรรคเราก็ยังรักกันได้ ตอนนี้จับมือช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง แก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่ละเรื่องที่พรรค พปชร.เสนอแนะรัฐบาลให้แก้ไข ไม่ว่าเรื่องคดีตากใบ หรือเอ็มโอยู 44 ต้องการให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราทำหน้าที่เป็นกระจกส่องรัฐบาล นายทักษิณเคยเป็นนายกฯทำประโยชน์หลายอย่างให้แก่ประเทศ พล.อ.ประวิตรก็เคยเป็น ผบ.ทบ. ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยเห็น พล.อ.ประวิตรพูดอะไรไม่ดีต่อนายทักษิณเลย พูดในแง่ดีตลอด

“ธรรมนัส” ยันร่วมบุญกฐินไร้นัย

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ เป็นน้องรักกัน ให้การสนับสนุนตั้งแต่อยู่พรรคไทยรักไทย (ทรท.) ด้วยกัน ผูกพันกันมาตลอด เห็นว่าวันนี้เป็นงานกฐิน มีนายทักษิณมาเป็นประธาน ตั้งใจจะมาร่วมอยู่แล้ว ยืนยันไม่มีนัยทางการเมืองแต่อย่างใด ส่วนใหญ่คนที่มาร่วมงานรู้จักกันตั้งแต่สมัยพรรค ทรท. เมื่อถามถึงการเปิดตัวพรรคกล้าธรรม (กธ.) ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค ได้ประสานแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะเข้าไปแสดงความยินดี ในฐานะที่เคยอยู่ด้วยกันมา เมื่อถามว่ามีศิษย์เก่าพรรค พปชร.ไหลเข้าพรรคกธ.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เท่าที่ทราบมีนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ อดีตนายทะเบียนพรรค พปชร. เป็นรักษาการเลขาธิการพรรคและนายทะเบียนอยู่ และจะมีพี่น้องจาก พปชร.ได้รับคะแนนเลือกตั้งเกินกว่า 20,000 เสียง ส่วนใหญ่ย้ายมาพรรค กธ.

“ศราวุธ” เชื่อคนอุดรยังศรัทธา พท.

วันเดียวกัน นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่จะมีขึ้นวันที่ 24 พ.ย.ว่า ประชาชนให้การตอบรับอย่างดี ทำให้มั่นใจว่าประชาชนยังรักพรรคเพื่อไทย ยังรักนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยิ่งรู้ว่านายทักษิณจะมาลงพื้นที่เอง ต่างถามกันว่าจะมาเมื่อไหร่ ที่ไหน เวลาไหน จะไปดูไปฟังกันเอง เมื่อถามว่าการที่นายทักษิณลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ยิ่งทำให้มั่นใจเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายศราวุธตอบว่า ยิ่งมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าประชาชนยังรักยังศรัทธาในพรรคเพื่อไทย

เวทีอุดรฯวัดกันไปเลย พท.-ปชน.

นายวรชัย เหมะ คณะที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เตรียมลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี หาเสียง เป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่ง การเป็นผู้ช่วยไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม นายทักษิณสามารถช่วยหาเสียงได้ อุดรธานีเป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดงในภาคอีสาน นายทักษิณเป็นที่รักเคารพของคนเสื้อแดง เชื่อว่าจะทำให้พี่น้องเสื้อแดงทั้งในอุดรฯและจังหวัดใกล้เคียงมาฟังคำปราศรัยทางการเมืองครั้งแรก ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นถึง 1 แสนคน ขณะที่พรรคประชาชนส่งผู้สมัคร มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เป็นผู้ช่วยหาเสียง เวทีนี้จะได้วัดกันไปเลยว่าประชาชนจะเลือกใคร ฝ่ายแค้นหรือฝ่ายตรงข้ามที่ออกมาโจมตี ก็เพื่อต้องการสกัดกั้นนายทักษิณออกจากบทบาทการเมือง ปิดช่องทางนำความรู้ความสามารถมาใช้แก้ปัญหาให้ประเทศชาติ ดังนั้น นายทักษิณจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกมามีบทบาทในการเลือกตั้งครั้งนี้ และนำความรู้ความสามารถมาแก้ปัญหาให้คนไทยในอนาคต

ไม่ใช้ “ทักษิณ” เท่ากับเสียโอกาส

“คนอย่างนายกฯทักษิณถูกปฏิวัติรัฐประหาร ยึดอำนาจ ยึดทรัพย์สิน ต้องเดินทางออกนอกประเทศ ใช้แค่ความรู้ความสามารถและคอนเนกชันความไว้วางใจจากเพื่อนฝูง ทั้งในแวดวงการเมือง และธุรกิจ ที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก จนสามารถสร้างฐานะจากคนไม่มีอะไรหลังการปฏิบัติ จนเป็นผู้ร่ำรวยติดอันดับโลกได้ สะท้อนความสามารถที่มี ถือว่ามีหนึ่งเดียวในโลก เพราะฉะนั้นวันนี้พรรคเพื่อไทยควรใช้ความรู้ความสามารถของนายกฯทักษิณในเรื่องต่างประเทศให้มากกว่านี้ ให้เต็มที่ อย่าเต้นตามกลองเดินตามเกมของฝ่ายแค้นและฝ่ายค้าน เพราะถ้ายอมก็เท่ากับว่าพลาดโอกาสของคนไทยและประเทศชาติ” นายวรชัยกล่าว

หยุดส่งต่อมรดกแค้นที่ไร้เหตุผล

ขณะที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณีการโจมตีนายทักษิณ ชินวัตร เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลระหว่างจำคุกว่า จนทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจนายทักษิณทำอะไรผิด ทั้งที่กลับมารับโทษตามกระบวนการที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากมีโรคประจำตัวหลายโรค จึงขอเข้ารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นการฉุกเฉิน จนถึงเกณฑ์ได้รับการพักโทษสำหรับนักโทษที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ไม่ต่างกับนักโทษหลายคนที่ป่วยเรื้อรัง ถามกลับว่าคนอายุ 75 ปีมีโรคประจำตัวหลายโรค และเป็นถึงอดีตนายกฯ ถ้าเกิดโรคกำเริบและช็อกตายในเรือนจำ ใครจะรับผิดชอบไหว การปั่นข่าวลือซุบซิบนินทา มีแต่ทำให้ประเทศวุ่นวายคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ควรทำหน้าที่ปกป้องผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ ให้ทุกคนควรได้สิทธิ ตามเจตนารมณ์ของการดำรงอยู่ขององค์กร มิใช่มุ่งเป้าร้องเรียนเล่นงานคนที่ได้รับสิทธิ จนถูกมองในแง่ลบ สังคมไทยควรก้าวพ้นเรื่องนี้เสียที หยุดส่งต่อมรดกความแค้นแบบไม่มีเหตุผลให้คนรุ่นถัดไป

“อิ๊งค์” ร่วมเวทีผู้นำเอเปกที่กรุงลิมา

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เข้าร่วมการประชุมผู้นำประเทศเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 10-18 พ.ย. และจะพบกับทีมไทยแลนด์เป็นครั้งแรก เพื่อมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ และหัวหน้าสำนักงานทีมประเทศไทยในภูมิภาคอเมริกา ขับเคลื่อนความร่วมมือให้เป็นไปตามเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล ที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจสีเขียว และการส่งเสริม soft power นอกจากนี้ยังพบปะแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดเห็นกับพี่น้องคนไทยที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ปัจจุบันมีกว่า 4 แสนคน และที่แอลเอยังเป็นชุมชนไทยในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีคนไทยอาศัยอยู่ประมาณ 107,000 คน ส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ทำงานร้านอาหารไทย และนักศึกษาในทุกระดับ

มุ่งดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทย

นายจิรายุกล่าวว่า สำหรับกำหนดการเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเปก นายกฯจะหารือกับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและแขกพิเศษของประธานเอเปก นอกจากนี้ยังหารือระหว่างผู้นำเอเปกกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปกในช่วงระหว่างการเลี้ยงรับรองอาหารกลางวัน ในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปก ประจำปี 2567 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกในรูปแบบ Retreat ด้วย น.ส.แพทองธารจะใช้การเข้าร่วมเวทีระดับโลกนี้ แสดงความมุ่งมั่นของไทยในการมีส่วนร่วมในเวทีพหุภาคี สร้างความเชื่อมั่น และยืนยันความต่อเนื่องของนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลไทยพร้อมมีส่วนร่วมสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายกรุงเทพฯว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ในที่ประชุม เอเปก พร้อมใช้โอกาสนี้หารือทวิภาคีกับผู้นำเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมการประชุม อาทิ นางดินา เอร์ซิเลีย โบลัวร์เต เซการ์รา (H.E. Ms.Dina Ercilia Boluarte Zegarra) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเปรู มีเป้าหมายเชิญชวนเข้ามาลงทุนในไทย

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่