“ทักษิณ ชินวัตร” เป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคี วัดคลองครุ “โอ๊ค-ธรรมนัส-ส.ส.เพื่อไทย” ร่วมคึกคัก ชี้ ปม MOU 44 ไม่มีอะไรตื่นเต้น บอกลงพื้นที่อุดรธานี แค่ขอบคุณที่ไม่ลืมกัน และมั่นใจไม่ลืม พท. เช่นกัน มองเป็นธรรมดาแข่งกับพรรคประชาชน

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่วัดคลองครุ (ปัฐวิกรณ์) เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร มีงานทำบุญทอดกฐินสามัคคี โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ที่นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม และน.ส.ชญาดา วิภัติภูมิประเทศ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตคันนายาว กทม. เป็นประธานถวายผ้ากฐิน มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรมว.คมนาคม น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐร่วมงาน โดยยอดจัตุปัจจัยรวมเป็นเงินประมาณ 2.2 ล้านกว่าบาท

โดยนายทักษิณ ได้ถวายผ้ากฐิน และถวายตาลปัตร ปักชื่อ “ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี” ด้วย

...

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. นายทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี MOU 2544 ที่มีการนำมาโจมตีรัฐบาล ว่า MOU 44 คือบันทึกข้อตกลง ที่จะคุยกันในเรื่องที่ยังไม่ได้ตกลงกัน ยังไม่เรียกว่าเป็นข้อตกลงที่ไม่ต้องเข้าสภาฯ เพราะเป็นเพียงบันทึกข้อตกลง ที่จะคุยกันในเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายไม่ตกลงกันว่าจะปรับตัวเข้าหากันได้อย่างไร เป็นแนวที่จะคุยกันไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย ซึ่งมีกฎหมายรองรับอยู่ ทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในช่วงที่ประเทศกัมพูชาเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจไม่มีอะไรเลย บางคนไม่ทราบว่า MOU 44 คืออะไร แต่ขอตีไว้ก่อน เมื่อถามว่ามีการนำประเด็นดังกล่าวมาโจมตีรัฐบาล นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไรให้ตื่นเต้นเลย

เมื่อถามว่ามีการนำเรื่องดังกล่าวไปเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ของนายทักษิณกับประเทศกัมพูชา นายทักษิณ ระบุว่า เป็นคนละเรื่องกัน “ตอนที่ผมเป็นนายกฯ ตอนที่มีปัญหาเรื่องการบุกเผาสถานทูตไทยประจำกัมพูชา ตอนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันเลย แต่ถือว่าผลประโยชน์ประเทศมาก่อน คุยกันว่า ถ้าเอาไม่อยู่จะส่งเครื่องบินไปรับ ผมก็ส่งไปรับไม่เห็นมีอะไรเลย ผลประโยชน์ประเทศมาก่อน ความเป็นเพื่อนก็คือเพื่อน แต่ผลประโยชน์ของประเทศคือคนละเรื่องกัน” นายทักษิณกล่าว

“ทักษิณ” บอกลงพื้นที่อุดรฯ แค่ขอบคุณที่ไม่ลืมกัน


นายทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี พรรคเพื่อไทยหาเสียงจะถือเป็นการทวงคืนความยิ่งใหญ่ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่าแค่ไปเยี่ยมประชาชนที่ไม่เคยลืมตน ตนไปอยู่เมืองนอกตั้ง 17 ปีเขาไม่เคยลืม จึงขอไปเยี่ยม สอบถามสารทุกข์สุกดิบ เมื่อถามว่าหลังจากอุดรธานีจะมีที่ไหนอีกบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องดูภารกิจของตนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คงค่อยๆ ไปเยี่ยมประชาชนเรื่อยๆ ค่อยดูกันอีกทีว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่อยากไปเยี่ยมทุกที่ที่เขาไม่ลืมเรา ส่วนการลงพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ต้องค่อยดูเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน เมื่อถามว่า การขึ้นเวทีที่อุดรธานีเป็นการปราศรัยครั้งแรกหลังจากกลับเมืองไทย นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่รู้จะยังทำเป็นหรือไม่ ลืมไปหมดแล้ว ไม่ได้ปราศรัยมา 18 ปี เดี๋ยวไปลองดู แต่หลักๆ จะเป็นการทักทายประชาชน ไม่มีการปราศรัยโจมตี มีแต่ความท้าทายเป็นห่วงเป็นใย

เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้คาดหวังว่าจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า มั่นใจว่าคนอุดรฯ ไม่เคยลืมพรรคเพื่อไทย และยังจำตนได้อยู่เป็นจำนวนมาก จึงต้องไปเยี่ยมและขอบคุณ เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจจะชนะหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่รู้ แล้วแต่ประชาชน กับผู้สมัครที่ทำงานกับประชาชนร่วมกันมา เมื่อถามว่าต้องแข่งกับพรรคประชาชน นายทักษิณกล่าวว่า การแข่งขันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา เป็นความสวยงามของระบบประชาธิปไตย

ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย