จังหวะ “กระตุกโลก” สั่นไหวระนาบเดียวกับดาวหางพุ่งชน เมื่อ “คาวบอยเฒ่า” โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งค่ายรีพับลิกัน ควบม้าเข้าเส้นชัย คว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นคำรบสอง “แชล รีเทิร์น” ทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี.อย่างอหังการ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ บันทึกสถิติกันไม่ทัน เป็นผู้นำมะกันที่เบิ้ลเก้าอี้ประธานาธิบดี 2 สมัย แต่ไม่ติดกัน สภาพเกือบหลับแต่กลับมาได้ นำทีมกวาดชัยชนะทั้งสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยมอตโต้ Make America Great Again
ยุทธศาสตร์ขายฝัน การให้สัญญาจะนำสหรัฐฯกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ กระตุกความหวังอเมริกันชน ส่วนใหญ่ที่เบื่อสภาวการณ์ถดถอย ภายใต้การนำของประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” รัฐบาลเดโมแครต
โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีลูกติดพันกับภาวะสงคราม
ตามคำประกาศบนเวทีหาเสียงของ “ผู้นำคาวบอย” ถ้าได้กลับทำเนียบขาว จะปรับโหมดเกมการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ให้เบาลง เบรกสงครามสมรภูมิรัสเซีย–ยูเครน ยุติได้ภายใน 24 ชั่วโมง
คุยโว โผงผาง แต่ยี่ห้อ “โดนัลด์ ทรัมป์” มักมากับเซอร์ไพรส์
ในสถานการณ์ที่ไม่ใช่แค่อเมริกันชน แต่สังคมโลกก็เฝ้าจับตา ผู้นำคาวบอยจอมซ่า จะหักมุมจบแนวรบตึงเครียด ด้วยสไตล์ของนักธุรกิจที่อิงผลประโยชน์ กำไร ขาดทุน มาก่อนการเมือง เรื่องยุทธศาสตร์ความ มั่นคง
แนวรบ “รัสเซีย-ยูเครน” สมรภูมิ “อิสราเอล-ปาเลสไตน์” น่าจะลดโทนลง
แต่ที่จะปะทุสวนทางก็คือ “สงครามการค้า” ตามสัญญาณธงที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ตั้งท่าประจัญบาน ติดดาบตะลุมบอนกับจีนแผ่นดินใหญ่ แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
...
ดัน “กำแพงภาษีมะกัน” ประชัน “กำแพงเมืองจีน”
นโยบายเรือธง เรียกค่าผ่านด่านสินค้านำเข้าจากแผ่นดินใหญ่มหาโหดร้อยละ 60 และประเทศอื่น 10–20 เปอร์เซ็นต์ เขย่าวงการส่งออกสะดุ้ง มีหวังกระเด็นกระดอนไปตามๆกัน
สั่นสะเทือนทั้งโลก ก็ไม่ต้องอกสั่นขวัญหาย หวั่นวิตกจนเกินเหตุไป ในมุมของประเทศไทยหนีไม่พ้น “ดาวหางทรัมป์” พุ่งชน ต้อง “เก็บคองอเข่า” เตรียมพร้อมตั้งรับแรงกระแทกให้ดี
เพราะมันมีทั้งประโยชน์เชิงบวกและผลกระทบด้านลบ
ในแง่ดี มันคือโอกาสในวิกฤติ กลุ่มทุนข้ามชาติจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตจากแผ่นดินใหญ่ เลี่ยงกำแพงภาษีจีน มุ่งหน้าสู่ภูมิภาคอาเซียน และหมุดหมายอันดับต้นๆ คือเมืองไทยที่มีศักยภาพรองรับ
ดักจังหวะช้อน กองทัพยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ได้เลย
แต่ในมุมลบ เศรษฐกิจการค้า ต้องถูกลากไปโยงเป็นปมผูกกับเงื่อนไขสถานการณ์ความมั่นคงในแถบอินโดแปซิฟิก ตามเกมยุทธ์ที่เดาทาง “คาวบอยทรัมป์” ต้องกดดันให้ไทยเปิดพื้นที่ให้สหรัฐฯในการถ่วงดุลอำนาจกับมังกรจีน
ถูกบีบให้เลือกข้าง ลีลา “การทูตสองหน้า” ไม่ง่าย
ทั้งหมดทั้งปวง ภายใต้ปรากฏการณ์ “ทรัมป์” หวนคืนทำเนียบขาว เร้าดีกรีปะทุสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนแผ่นดินใหญ่ เขย่าสมรภูมิการสู้รบภูมิรัฐศาสตร์ที่ผูกปมกับภาวะเศรษฐกิจ ตามเกมของมหาอำนาจโลก
ไทยจะไม่สะทกสะท้านเลย หากเศรษฐกิจภายในเข้มแข็ง แกร่งด้วยตัวเอง
ฟังดูดีถ้าหากมันไม่เป็นแค่ภาพมโนในความฝัน ตามฉากสถานการณ์โลกแห่งความเป็นจริง สภาพเศรษฐกิจไทยที่ตกท้องช้าง ลึกลงไปทุกขณะ วิกฤติดำดิ่งจากแรงถ่วงทางการเมือง
เรื่องของเกมอำนาจและประโยชน์ที่ผูกโยงกับหัวขั้วขัดแย้ง
“แย่งหม้อข้าว” กันในกลุ่มของชนชั้นนำ อำมาตย์ ทหาร นักการเมือง พ่อค้านายทุน ตีกัน ปัญญาชนคนรุ่นใหม่ หลอกล่อประชาชนเป็นเครื่องมือ
ถึงจุดลุ้นเดิมพัน ก็ฟัดกันเองในกลุ่มขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม
ตามสภาพถูกบีบอยู่ในมุมอับ รัฐบาลผสมสูตรพิสดารภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ผู้นำคนสุดท้องตระกูลชิน โดนล้อมกรอบอยู่ในวงพรรคร่วมรัฐบาล ขยับตัวลำบาก
โดยสายเลือด “นายใหญ่” ที่สลัดไม่พ้นบ่วงวิบากกรรม
เหมือนเป็นมรดกที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ฝังลึกในดีเอ็นเอ นายกฯแพทองธารโดนประทับภาพยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ถูกระแวงผลประโยชน์ทับซ้อน
ภาพหลอนยุคพ่อวนกลับมาถึงลูก โดนจับตา โดยเฉพาะพฤติกรรมลับๆล่อๆ ป้วนเปี้ยนกับสมบัติชาติ
“ขี้ไต้” หัวเชื้อไฟเก่าที่ไม่มีวันมอด กระพือทีไรก็ผวาไฟลุกพึ่บเมื่อนั้น
แบบที่กองทัพสลิ่มระดมพลต้านการเมืองแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขวางลำเกมยัดชื่อ “เสี่ยโต้ง” นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตขุนคลัง รัฐบาลเพื่อไทย นั่งแท่นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
ตั้งด่านสกัดนอมินี “นายใหญ่” เจาะกำแพง “วังบางขุนพรหม”
อารมณ์ไม่ไว้วางใจรัฐบาลแพทองธาร ยุ่มย่ามเงินก้นถุงก้อนสุดท้ายของแผ่นดิน เสี่ยงถลุงสมบัติ ปู่โสมฯอัดโคตรประชานิยม ใช้เงินหลวงหาเสียงทางการเมือง ผลาญกองทุนสำรองฯจนเจ๊งกันหมด
ตามรูปการณ์ที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง ต้องแตะเบรก ใส่เกียร์ถอย แบะท่าเปลี่ยนโพยกันใหม่
ไม่เสี่ยงดับไฟหน้าพุ่งชนกำแพงวังบางขุนพรหม ส่อประกันไม่รับเคลม
นั่นก็เพราะอีกตำบลกระสุนตก ก็มีจังหวะพุ่ง
ปะทะที่หนักหน่วงกว่า ตรงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มหกรรมล่าโคตรมหาขุมทรัพย์ 10 ล้านล้าน
การขุดสำรวจก๊าซธรรมชาติ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทย
เมกะโปรเจกต์ระดับโลก ที่ตีคู่ขนานมากับมุกชาติ นิยมแบบไทยๆในสถานการณ์ที่กองทัพสลิ่มแปรรูปขบวนเป็น “ม็อบคลั่งชาติ” จุดไฟต้าน “เถ้าแก่ใหญ่” ขายชาติ ฉายหนังย้อนประวัติศาสตร์สยามเสียแผ่นดินให้เขมร ประจานดักทางผู้นำทายาทตระกูลชิน เสี่ยงทำเสียดินแดนเกาะกูดให้กัมพูชา
ปลุกผีบรรพบุรุษ โซเชียลฯแห่แชร์ภาพแผนที่สยามยุค ร.5 กันยกใหญ่
กระตุกนายกฯแพทองธาร อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องแถลงเสียงเข้ม ยืนยันสาย เลือดไทยเต็มตัวจะไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดนแม้แต่ตารางเมตรเดียว
เสียวติดเชื้อในกระแสโลหิต จุดถ่วงแฝงอยู่ในดีเอ็นเอ
จังหวะโยงไฟ “เถ้าแก่ใหญ่” ลับๆ ล่อๆ กับสมบัติชาติ ลามลุกพึ่บเอาไม่อยู่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จับทางลูกสาว “ทักษิณ” ก็สูดลมหายใจเข้าปอด ยืดอกประกาศลุยเจรจากับกัมพูชา เดินหน้าเมกะโปรเจกต์ขุดสำรวจก๊าซพื้นที่ทับซ้อนทะเลอ่าวไทยต่อ ไม่มีทางถอยแน่
ตีธงให้นักลงทุนทั่วโลกได้รับรู้สัญญาณ โดยเฉพาะการหักมุมหลบปมล่อแหลม ข้อครหา “เอ็มโอยู” หมกเม็ด ด้วยการเปิดฟลอร์เจรจาผ่าน “JTC” คณะกรรมการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย–กัมพูชา มอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน และที่สุดเลยก็ยังต้องนำเข้าผ่านด่านสภารับรอง
ตามฟอร์ม ต้องโชว์โปร่งใส ฝ่าแดนระแวงยี่ห้อ “ทักษิณ”
เรื่องของเรื่อง ทีมเพื่อไทยก็มีลุ้นหักกระแสต้านม็อบคลั่งชาติ เทียบกับประชาชนคนไทยที่ลุ้นใช้ไฟฟ้า พลังงานราคาถูก สภาพการณ์บังคับแหล่งก๊าซอ่าวไทยเหลือใช้ได้อีกแค่ 10 ปี ถ้าไม่มีแหล่งก๊าซสำรอง ต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ
ทางเดียวคือต้องขุดก๊าซในทะเลอ่าวไทย–กัมพูชา มาใช้ให้ได้ โดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างตระกูลชิน กับตระกูลฮุน โอกาสดันโคตรเมกะโปรเจกต์ ใกล้เคียงความจริงที่สุด
เมื่อปมสะดุดตรง “เอ็มโอยู” ก็ต้องกางฉบับจริงที่เก็บอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ โฟกัสตรงหมายเหตุ การเจรจาแหล่งพลังงานทับซ้อนทางทะเล ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเจรจาปักหมุดเขตแดน
ต้องเคลียร์ให้ชัด หากมีการพลิกเหลี่ยม ลากคดีฟ้องศาลโลก แย่งแผ่นดิน
จุดตัดสินผลประโยชน์คนไทยทั้งชาติ ที่ผูกอยู่กับความโปร่งใสของ “ทักษิณ”.
"ทีมการเมือง"
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม