มือเป็นระวิงกางตำราตั้งรับนโยบายผู้นำใหม่สหรัฐอเมริกา คิวที่ประเทศไทยต้องติวเข้ม ปรับทิศทางเศรษฐกิจใหม่ รับมือนโยบายสุดโต่ง "โดนัลด์ ทรัมป์" ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ที่ประกาศสงครามการค้ากับจีน ตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากแดนมังกรสูงลิ่ว 60% และประเทศอื่นๆ 10%

สะเทือนกันทั่วโลก เจอแรงกระแทกจากภาวะกีดกันทางการค้า และผลกระทบการส่งออกของผู้นำโลกคนใหม่ ต้องปรับกระบวนทัพรับมือกันพัลวัน

อีกเรื่องเร่งด่วนที่ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมระดมสมองทีมเศรษฐกิจ ปรับจูน ทิศทางการทำงาน ทั้งนโยบายการค้า การลงทุน การต่างประเทศ ตั้งรับการเปลี่ยนแปลงผู้นำสหรัฐฯ

จัดสมดุลการเมืองระหว่างประเทศ บาลานซ์ค่ายมหาอำนาจโลกทุกฝ่ายให้ลงตัว ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อหาโอกาสเชื่อมโยงการค้าการลงทุนให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุด

“นายกฯ อิ๊งค์” เผชิญโจทย์ยากขึ้น ต้องบริหารดุลอำนาจการเมืองโลก เพิ่มเติมจากการจัดสมดุลการเมืองในประเทศที่วุ่นวายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ไม่ใช่แค่ต้องระวังฝ่ายตรงข้ามที่ขยันสร้างเรื่องไม่หยุดหย่อน แต่ยังต้องระแวงพวกเดียวกันที่ซ่อนเกมต่อรองอำนาจ ฉวยจังหวะชิงความได้เปรียบทางการเมือง

ด่านโหดเศรษฐกิจ ด่านหินการเมืองรุมกระหน่ำ “นายกฯอิ๊งค์” จะเดินหน้าทำอะไรก็ถูกขัดคอ ขัดขาไปหมด

ที่ยังเรื้อรังไม่จบ และยกระดับความรุนแรงขึ้นคือ เผือกร้อนเอ็มโอยู 44 ลามจากประเด็นความมั่นคงเป็นประเด็นการเมือง ก่อหวอดล้มรัฐบาล

โดนพรรคพลังประชารัฐจุดกระแส “คลั่งชาติ” จู่โจมหนัก ท่องสคริปต์เดิมยกเกาะกูดให้กัมพูชา โยงใยไปถึงการเจรจาแบ่งเค้กผลประโยชน์แหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา

...

เรื่องละเอียดอ่อนทางความรู้สึกประชาชน ถึงรัฐบาลจะปากเปียกปากแฉะแจกแจงมากแค่ไหน ก็ยังแก้เกมไม่ตก

คิวที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงมากำกับบทเองสั่งลูกพรรคลุยเต็มสูบ ล้มเอ็มโอยู 44

หัวชนฝายืนยันเอ็มโอยู 44 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญา มีบทเปลี่ยนแปลงเขตราชอาณาจักรไทย ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการเสนอให้รัฐสภาเห็นชอบ เข้าข่ายเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น หากยังเดินหน้าเจรจาต่อเข้าข่ายความผิดกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ

วางพล็อตเรื่องเอาไปเชื่อมโยงกรณียื่นศาลรัฐธรรมนูญ มัดผิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ให้เลิกการกระทำล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือ รอลุ้นให้ศาลรัฐธรรมนูญรับ คำร้องดังกล่าว เพื่อนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย

พลังประชารัฐไม่แผ่วล้มเอ็มโอยู 44 เขยื้อนทั้งเกมนิติสงคราม และปลุกอารมณ์ชาตินิยมคนไทยให้ระแวง คอนเนกชัน “ทักษิณ–ฮุนเซน” ไปในตัว

ปมอ่อนไหวทางความรู้สึกคนไทย ยังไม่รู้จะลุกลามไปแค่ไหน

ไม่ต่างจากกรณีตีปี๊บการพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของนายทักษิณ ที่ล่าสุดพรรคประชาชนลากเข้ามาพิจารณาในคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ขุดคุ้ยหาความจริง ป่วยจริงหรือป่วยเท็จ

ตามเนื้อหาการประชุมที่ไม่มีความกระจ่าง เจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้ ความร่วมมือให้ข้อมูลต่อ กมธ. เพิ่มความเคลือบแคลง มีฉากการละครหรือไม่

พรรคประชาชนร่วมผสมโรงเขย่าอารมณ์ประชาชน ขยี้กระบวนการยุติธรรมไทยมีปัญหาเอื้ออภิสิทธิ์ชน ถือโอกาสเอาคืนเพื่อไทยเบี้ยวสนับสนุนรายงานนิรโทษกรรม คดีมาตรา 112

ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น เร่งเครื่องกระตุ้นโหมดอ่อนไหวคนไทย ขยี้หนักทั้งเรื่องเสียดินแดน ผลประโยชน์ชาติ การเอื้ออภิสิทธิ์ชนในกระบวนการยุติธรรม หวังผลให้รัฐบาลมีแต้มติดลบหนักขึ้น

ชื่อ “ทักษิณ” กลายเป็นเป้าล่อ กระพืออารมณ์ร่วมสังคม

ชนวนอันตรายของ “นายกฯ อิ๊งค์” ต้องเร่งสร้างความกระจ่างที่ยังมีความคลุมเครือในความรู้สึกประชาชนให้ชัดเจน บทเรียนเคยเห็นอิทธิฤทธิ์มาแล้ว ในยุครัฐบาล “ทักษิณ” และรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

พิษสงอารมณ์ร่วมสังคม จุดติดแล้ว ควบคุมลำบาก!!!

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม