ปมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กำลังเกิดปัญหาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มประชาชน ประเด็น “เกาะกูด” ทำท่าจะบานปลาย กลายเป็นประเด็น “คลั่งชาติ-ขายชาติ” นั้น

รัฐบาลได้พยายามหาทางแก้เกมจากข้อกล่าวหาดังกล่าว ยืนยันว่าเกาะกูดนั้นเป็นของไทยและไม่มีปัญหาในเรื่องเอ็มโอยู 44 แต่อย่างใด

เป็นเรื่องเกมการเมืองเพื่อล้มรัฐบาลมากกว่า!

ว่าไปแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวพันกับประเทศ เพื่อนบ้าน “กัมพูชา” มาทำเอ็มโอยูกับไทย และพื้นที่ทับซ้อนที่จะต้อง เจรจา เพื่อนำทรัพยากรแหล่งพลังงานสำคัญขึ้นมาใช้

รัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบทั้งหมดจะต้องชี้แจงและอธิบายให้ชัดในเรื่องนี้จะปล่อยให้คลุมเครืออย่างนี้ต่อไปไม่ได้

ที่ชัดและเป็นรูปธรรมจากแนวทางการดำเนินการของรัฐบาล ล่าสุด “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ในฐานะที่ต้องรับผิดชอบต่อความมั่นคง

ได้ประกาศจะเดินทางไป “เกาะกูด” เพื่อตอกย้ำว่าเป็นของไทย และมีอธิปไตยโดยสมบูรณ์อันเป็นการแสดงสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง

หลังจากที่นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ได้เรียกแกนนำ พรรคร่วมรัฐบาลมาหารือในเรื่องนี้ โดยเชิญอธิบดีกรมสนธิสัญญา กระทรวงต่างประเทศ มาอธิบายความเป็นไปทั้งหมด

และยืนยันว่าเอ็มโอยูไม่เกี่ยวกับเกาะกูด ซึ่งเป็นของไทยอยู่แล้ว และเป็นเรื่องที่ไทยจะได้ประโยชน์ไม่มีอะไรเสียหาย

นั่นเป็นหนทางหนึ่งที่รัฐบาลจะบอกว่าพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็มี ความเห็นไปในทางเดียวกัน หลังจากฟังข้อมูลจากกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง

พูดง่ายๆ ก็คือลำพังนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีชี้แจงย่อมไม่ได้รับความเชื่อถือเท่ากับข้าราชการ ซึ่งทำเรื่องนี้โดยตรง

...

ทำให้น่าเชื่อถือมากกว่า...

นี่เป็นรูปแบบหนึ่งในการแก้เกมของรัฐบาลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและตอบโต้ฝ่ายที่เห็นต่าง

พร้อมกันนั้นก็ประกาศจะตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคหรือจีทีซีฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าเจรจาเรื่องนี้ต่อไป

เป็นการสานความคืบหน้าเพื่อไปสู่การนำผลประโยชน์มาใช้ร่วมกัน

นี่เป็นแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการ

คือการเดินเกมรุกเพื่อสยบปัญหาดีกว่าตั้งรับที่ไม่เสมอตัวก็พ่ายแพ้ได้

มีข้อมูลประเด็นหนึ่งที่มีการหยิบยกมาสู้กันในเกมจากกรณีที่มีการเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยู 44 ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่า ไม่ได้ เพราะต้องเป็นความยินยอมของ 2 ประเทศ

ที่การอ้างถึง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกมาแล้วแต่รัฐบาลต้องพ้นไปก่อนที่จะมีผลนั้น

ไม่ใช่เกี่ยวกับประเด็น “เกาะกูด”

แต่เป็นกรณีที่ “ฮุน เซน” ได้ตั้ง “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลชุดนี้จึงตอบโต้ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกันแม้จะเป็นเรื่องเดียวกันก็ตาม

ด้วยแนวทางการแก้เกมของรัฐบาลน่าจะทำให้ประชาชนที่ได้รับข้อมูลข่าวสารน่าจะมั่นใจได้ว่า “เกาะกูด” เป็นของไทย

แม้จะมีข้อมูลอีกส่วนหนึ่งที่บอกว่าหากไม่เสียดินแดนแต่ผลประโยชน์ใต้ทะเลนั้น ไทยก็จะไม่ได้อะไรเพราะบริษัทเอกชนที่ทำการ สำรวจได้ไปแล้ว

ประเด็นนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้

เพราะทั้งกัมพูชา-ไทย คงไม่ยอมยกให้ฟรีๆแน่

จากนี้ไปรัฐบาลก็ต้องเดินเรื่องต่อไปเมื่อมั่นใจว่ามีความจำเป็นที่จะต้องนำพลังงานจากพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาใช้

และเพื่อพิสูจน์ว่า “เกาะกูด” นั้นเป็นของไทย 100%!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม