เมื่อโลกรับรู้ “โดนัลด์ ทรัมป์” เข้าป้ายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาคนใหม่ และมีแนวโน้มพรรครีพับลิกันจะกวาดแต้มครองเสียงข้างมาก ทั้งในสภาผู้แทนราษฎร-วุฒิสภา แบบเบ็ดเสร็จ
โบกธง “America First อเมริกาต้องมาก่อน” พัดไสว โลกทั้งใบก็สะเทือน
นักวิเคราะห์เฝ้าติดตามผลการเลือกตั้ง วิเคราะห์ ประเมินผลกระทบ เขย่าตัวเลขทางเศรษฐกิจ เกิดแรงกระเพื่อมไปแต่ละประเทศ สถานการณ์ผันผวน ปั่นป่วน รับข่าวแลนด์สไลด์จากแผ่นดินมหาอำนาจ
แน่นอนประเทศไทยเกิดเอฟเฟกต์ไม่มากก็น้อย
จากมองโลกก็กลับมามองเรา เรื่องราวจากนโยบายสหรัฐอเมริกา จ่อพลิกไปสู่สูตร “ชาตินิยม” ขณะที่ในไทย ปม “ชาตินิยม” กำลังร้อน เขย่าเสถียรภาพรัฐบาล
ด้วยเรื่องการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับประเทศกัมพูชา ปมเอ็มโอยู 44 สมัยรัฐบาลไทยรักไทย ถูกหยิบยกมาถกเถียง แม้รัฐบาลปักธงยกเป็นอีกนโยบายเร่งด่วน เจรจาเพื่อนบ้านเพื่อแบ่งปันนำผลประโยชน์ด้านพลังงานมาใช้ร่วมกัน
แต่เพราะการเจรจา “พื้นที่ทับซ้อน” มาพร้อมความหวาดระแวงในผลประโยชน์ “ซ้อนทับ” แรงต้านจุดติดง่ายชนิดยกกันมาเป็นแผง
วาทกรรม “เสียดินแดน ขายแผ่นดิน” ที่ถูกโจมตียุคนายกฯผู้พ่อ หวนมาอีกครั้ง
จะเรียกว่าเป็นอีก “เรื่องเก่า” ที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เคยสร้างทำไว้ กลับมาไล่ล่า ก็ไม่ผิด ไม่ต่างจากกรณีรอไฟลุก “ตากใบ” ปมแก้ไขรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม กระทั่งนโยบายเรือธง อัดฉีดประชานิยม
ทุกแผนของรัฐบาล “ทายาทนายห้าง” เลยถูกขวางไว้ก่อน
ขมวดปมสรุปความได้ว่า เหตุเพราะ “ไม่ไว้วางใจ-หวาดระแวง” อดีตผู้นำ
...
กลายเป็นฉุดรั้งกระทบรัฐบาลเพื่อไทย
นอกเหนือไปจากสถานการณ์รัฐบาลผสม สำหรับพรรคหลักอย่างเพื่อไทยที่อดีตนายกฯยอมรับ “ ไม่แกร่งเหมือนเก่า” จากอดีตไทยรักไทยเคยเฟื่องฟู แต้ม สส.ทะลัก เทียบกับดีกรีเด็กมหาวิทยาลัย
วันนี้กลายเป็นนักเรียนมัธยม แต้ม สส.แปรผันตรงกับดีกรี “พลังในเกม”
เมื่อดุลอำนาจพร่อง ก็ต้องยอมแสร้งลืมอดีต เก็บคำทิ่มตำใจ “มันจบแล้วครับนาย” ไว้ในลิ้นชัก
เพียงแต่วันนี้ โดนรุกไล่หนักเข้า ขวางทุกเม็ด ขอเช็กทุกแผนนโยบายเรือธง พร้อมการวิเคราะห์คาดการณ์ของบรรดาเซียนการเมือง โยงถึง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย
เวลานี้ เป็นโอกาส “ใกล้เคียงที่สุด” ของแคนดิเดตนายกฯ สีน้ำเงิน
เหตุที่เกมอำนาจในรัฐบาลผสมระอุเดือด พรรคอันดับ 2 เดินหมากรุกไล่ ชิงดุลกันถี่ยิบ
ในจังหวะนักยุทธศาสตร์ในพรรคเพื่อไทย เริ่มไม่วางใจในสถานการณ์ ตั้งวงวิเคราะห์กันบ่อยครั้ง หัวข้อเสวนานอกจากการกู้เกมเพลี่ยงพล้ำ ทั้งคิวแก้รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม ไปจนถึงการขยับแผนประชามติ
ไปจนกระทั่งหารือถึงโปรแกรมสุ่มเสี่ยง อดีตนายกฯถูกยื่นร้องครอบงำ แทรกแซง นำไปสู่การยุบพรรค ถึงแม้ล่าสุดจะมีกระแสข่าวคณะทำงานอัยการสูงสุด จะโยนเรื่องเป็นอำนาจวินิจฉัยของ กกต.
แต่ก็ไม่ติดประมาทในสถานการณ์ล่อแหลม
นอกจากนี้ยังมีปมเชื่อมโยงไปถึงประเด็นป่วยทิพย์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่ยังต้องติดตา ตามแผนมะรุมมะตุ้มของฝ่ายค้านกับฝ่ายต้าน เสี่ยงถูกลากเข้าสู่พื้นที่อันตรายได้ทุกเมื่อ
ในจังหวะรอเล่นลูกตามน้ำ พูดกันถึงแผนคิดใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน ที่ทีมเพื่อไทยกาหัว
ยกเป็น “คนใกล้ร้ายที่สุด” ที่ต้องเตรียมเบรกสกัดห้าวคู่แข่ง
ยกคิวล้างกระดาน “ยุบสภา” มาขู่ปราม ไปจนกระทั่งหารือถึงแผนฉุกเฉิน อำนาจและการตั้งรักษาการผู้นำ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันปัจจุบันทันด่วน
สะท้อนนัยแบบอ่านใจอ่านทาง “นายใหญ่” ถึงที่สุดคงไม่ยอมเปิดทางให้ “หนูเป็นราชสีห์” โดยสะดวก
ยังไงต้องขวางทัพ “ครูใหญ่เซราะกราว” ไม่ให้ผงาดกันง่ายๆ.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม