“ไพบูลย์ นิติตะวัน” เผย พปชร. ยืนยันจะเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 44 ให้ได้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย เตือนรัฐบาล แบ่งทรัพยากรทางทะเลให้กับกัมพูชา อาจถูกฟ้องฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ยอมรับ “พล.อ.ประวิตร” เคยเป็นประธานคณะเจรจาฯ MOU 44 จริง แต่ไม่ทราบเป็นปัญหาทางกฎหมาย
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค สั่งการให้พรรคพลังประชารัฐผลักดันนโยบาย การยกเลิก MOU 2544 โดยถึงแม้ว่า พล.อ.ประวิตร จะเคยเป็นประธานคณะเจรจาฯ ตามกรอบ MOU 2544 แต่ในขณะนั้น ท่านไม่ทราบมาก่อนว่า MOU 2544 จะมีปัญหาสำคัญทางกฎหมาย จนกระทั่งในเดือนมิถุนายนปีนี้ ตนได้ไปเรียนให้ พล.อ.ประวิตร ทราบว่า ตนได้ใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยเหตุที่ตรวจพบว่า MOU 2544 มีปัญหาสำคัญทางกฎหมายอย่างน้อย 2 ประการ
โดยประการที่ 1 การที่ฝ่ายกัมพูชาได้ลากเส้นไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชา เริ่มจากหลักหมุดที่ 73 จุด แบ่งดินแดนทางบกของไทย-กัมพูชา ลากเส้นไหล่ทวีปตัดตรงมาทางทิศตะวันตกผ่านกลางเกาะกูดที่เป็นดินแดนของไทย ตัดเส้นตรงเลยเกาะกูดไปทางอ่าวไทยตอนใน การกระทำของฝ่ายกัมพูชาเป็นการลากเส้นไหล่ทวีปที่ผิดกฎหมายทะเลระหว่างประเทศอย่างสิ้นเชิง จึงทำให้เส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ลากต่อลงมาทางทิศใต้ เป็นเส้นไหล่ทวีปที่ผิดกฎหมายทะเลระหว่างประเทศไปด้วย ทำให้กินพื้นที่อธิปไตยทางทะเลของไทยไป 26,000 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 16 ล้านไร่ แต่ MOU 2544 ไปรับรองเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวเป็นเส้นถูกต้องที่นำมาใช้อ้างสิทธิกับไทยว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนเพื่อเจรจาแบ่งทรัพยากรทางทะเลของไทย ให้ประเทศกัมพูชาฝ่ายละ 50 เปอร์เซ็นต์
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ตามที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงวิสัยทัศน์ในงานดินเนอร์ทอล์ค ระบุว่า “อีกอันหนึ่งที่อดพูดไม่ได้ เรื่องของเขตทับซ้อนทางทะเล ความจริงเขตทับซ้อนทางทะเลนี่ มันไม่ใช่เป็นเรื่องเส้นเขตแดนหลัก มันก็คือว่า ประเทศเราอยู่ตรงนี้มีไหล่ทวีปอยู่ตรงนี้ ลากไป 200 ไมล์ทะเล อันนี้ตามหลักกฎหมายสากลประเทศเพื่อนบ้าน สมมุติกัมพูชา ไหล่ทวีปอยู่ตรงนู้นลากมา 200 ไมล์ทะเล เกยกันตรงไหน เราถือว่าเป็นเขตทับซ้อน เขตทับซ้อนตรงนั้น ถ้ามีทรัพยากรอยู่ ก็ถือว่าแบ่งคนละ 50” ดังนั้นหากรัฐบาลไปดำเนินเจรจาตาม MOU 2544 แบ่งผลประโยชน์พลังงานธรรมชาติทางทะเลให้ฝ่ายกัมพูชา 50 เปอร์เซ็นต์ ตามที่นายทักษิณ ชินวัตร ชี้แนะรัฐบาลไว้ อาจเข้าข่ายกระทำผิดทั้งกฎหมายทะเลระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ เพราะเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย
...
และประการที่ 2 ได้พบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่า MOU 2544 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญามีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ตามบรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 11/2542 คำวินิจฉัยที่ 33/2543 และคำวินิจฉัยที่ 6-7/2551 เมื่อ MOU 2544 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญาจึงต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาตรา 224 ปี 2550 มาตรา 190 และปี 2560 มาตรา 178 แต่ปรากฏว่า MOU 2544 ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน ไม่มีการเสนอให้รัฐสภาเห็นชอบ MOU 2544 จึงเป็นหนังสือสัญญาที่ทำขึ้นโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาไทย มีผลให้ MOU 2544 เป็นบทบัญญัติใดหรือการกระทำใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับไม่ได้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 5 และมีผลให้ MOU 2544 ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับตั้งแต่เริ่มแรก และมีผลในทางกฎหมาย ไม่ผูกพันรัฐภาคีทั้งสอง ตามหลักการเรื่อง “ความไม่สมบูรณ์แห่งสนธิสัญญา” (Invalidity of Treaties) ซึ่งบัญญัติไว้ในอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969 ดังนั้นเมื่อ MOU 2544 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญาที่ทำขึ้นโดยขัดรัฐธรรมนูญ ตกเป็นโมฆะ ใช้บังคับไม่ได้ การที่รัฐบาลปัจจุบันหากนำ MOU 2544 ไปดำเนินการแบ่งทรัพยากรพลังงานธรรมชาติทางทะเลให้กับกัมพูชาต่อไป ในขณะนี้ทั้งที่รู้หรือควรรู้ ว่าอาจจะขัดรัฐธรรมนูญ มีข้อควรระวังว่า อาจถูกฟ้องว่าเข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ
“พล.อ.ประวิตร กำชับกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. ของพรรคทุกคน ให้ร่วมแรงร่วมใจกันดำเนินนโยบายยกเลิก MOU 2544 ให้ได้ เพื่อปกป้องเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยพื้นที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร (16 ล้านไร่) และผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ มูลค่า 20 ล้านล้านบาทของไทยในทะเลอ่าวไทยที่เป็นของไทยทั้งหมดตามกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ” นายไพบูลย์ กล่าว