“ชูศักดิ์ ศิรินิล” ชี้ ประชาธิปไตย ไม่ว่าสูตรไหนชั้นแรกสำคัญสุด แจง หากประชามติใช้วิธีเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ คนที่ไม่มาใช้สิทธิหรือไม่ประสงค์จะลงคะแนน จะถูกนับไปด้วยว่าเป็นคนไม่เห็นชอบ เท่ากับค้านการทำประชามติ

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันระหว่าง สส. และ สว. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เสนอให้ทำประชามติชั้นครึ่งว่า ตนก็ไม่เข้าใจเพราะจริง ๆ จะสองชั้นหรือชั้นครึ่ง เรื่องใหญ่มันอยู่ที่ชั้นแรก ที่ระบุว่าต้องมีคนมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะถ้าใช้วิธีเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเท่ากับว่าคนที่ไม่มาใช้สิทธิหรือไม่ประสงค์จะลงคะแนน จะถูกนับไปด้วยว่าเป็นคนไม่เห็นชอบ เท่ากับค้านการทำประชามติ เราถึงบอกว่ามันไม่ควรมี ควรเอาเสียงข้างมากธรรมดา เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยยืนยันจุดนี้แล้วสภาฯ ก็ยืนยันจุดนี้แบบเอกฉันท์ ให้ใช้เสียงข้างมากธรรมดา ที่นายนิกรพูดว่าชั้นครึ่งนั้นก็ไม่ทราบ แต่เห็นว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน ส่วนตัวให้ความสำคัญกับชั้นแรกมากกว่า

เมื่อถามว่าเรื่องนี้ต้องคุยกันอีกทีหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ กมธ. แต่พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นเพราะเรามีนโยบายไปแล้วว่าจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราอยากจะผลักดันเต็มที่ แต่จะผลักดันได้มากน้อยแค่ไหนค่อยว่ากันอีกที เมื่อถามว่า จะทันในรัฐบาลชุดนี้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ทันหรือไม่ทันอย่างไรค่อยว่ากันอีกที แต่พยายามอย่างน้อยที่สุดได้แสดงความตั้งใจว่ารัฐบาลนี้ต้องการจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)

...