สมรภูมิเลือกตั้งมาตรฐานประชาธิปไตยโลก ศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่สุดคู่คี่สูสี จนถึงนาทีเปิดหีบบัตรลงคะแนนในรัฐที่พระอาทิตย์ขึ้นก่อน บ่อนพนันก็ยังไม่กล้าตั้งราคาแบบต่อขาด

โพลเฉือนกันแค่เปอร์เซ็นต์เดียว ตัวแปรชี้วัดอยู่ที่ “รัฐสวิง สเตต”

ต้องรอจนถึงเช้าตรู่วันที่ 6 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย ถึงจะได้เริ่มเห็นคำตอบ คาวบอย “โดนัลด์ ทรัมป์” จากค่ายรีพับลิกัน หรือหญิงเหล็ก “คามาลา 

แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครต จะเข้าป้าย

ความมันระดับ 5 ดาว ราวกับศึกชกมวยไฟต์หยุดโลก

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ผู้นำมะกันคนใหม่จะส่งผลโดยตรงต่อนานาชาติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ซึ่งในส่วนของประเทศไทยยึดเอามุมมองของนักวิเคราะห์ระดับแถวหน้า

กรองเอาเฉพาะ “กูรูตัวจริงเสียงจริง” อิงฐานข้อมูลแน่นๆ

ไล่จาก “ดร.กอบ” นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ หนึ่งในทีมสี่กุมาร ในฐานะผู้บริหารระดับสูงของแบงก์กรุงเทพ อ่านทะลุ ไม่ว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” หรือ “คามาลา แฮร์ริส” ยึดทำเนียบขาว

หนีไม่พ้นสมรภูมิสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน

เพราะนโยบายเศรษฐกิจของอเมริกันถูกขับเคลื่อนและกำหนดทิศทางโดยภาคธุรกิจ กลุ่มทุนใหญ่ที่ต้องลุยสู้ ชิงดุลทางการค้าคืนจากพญามังกร

ขณะที่นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระ โฟกัสไปที่สถานการณ์

สงครามยูเครน–รัสเซีย และสมรภูมิตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านและปาเลสไตน์ หากเป็น “แฮร์ริส” นำทีมเดโมแครตเป็นผู้นำต่อ อุณหภูมิสงครามน่าจะระอุเดือดต่อไป แต่หากเป็น “ทรัมป์” จะหักมุมจบ

...

ลดโทนสู้รบ ผ่อนสถานการณ์ตึงตัวทางเศรษฐกิจจากสงคราม

“สื่อกระแสหลัก” ของเมืองไทย พากันเกาะติดศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ภาคธุรกิจ นักวิชาการ ส่งสัญญาณให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ไปยันประชาชนผู้ติดตามข่าวสาร ใช้เป็นฐานประกอบการวางแผนรับสถานการณ์

เหตุการณ์อำนาจการเมืองโลกไกลตัว แต่ใกล้ปากท้อง

อีกคนที่มาได้จังหวะพอดี “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่พักเบรกจากงานวิชาการ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บินกลับมารับเป็นวิทยากร เปิดมุมมองในการบรรยาย “มุมมองต่อการเลือกตั้งอเมริกา 2024” ให้กับนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ถ่ายทอดวิทยายุทธ์ ติวเด็กรุ่นใหม่ เปรียบเทียบ “ทรัมป์–แฮร์ริส” แตกต่างกันแค่ความละเอียดอ่อนในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ

อารมณ์ระหว่าง “บู๊ ตัวตึง” กับ “โหดนิ่มๆ”

พร้อมกับถือโอกาสสะกิดรัฐบาลเพื่อไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ต้องเตรียมคว้าโอกาส และบริหารความเสี่ยง ไม่ว่าจะ “ทรัมป์” หรือ “แฮร์ริส” เข้าป้าย ต้องมีผล

ต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศที่จะมีความรุนแรงมากขึ้น โอกาสของประเทศไทยเกี่ยวข้อง มีสิทธ์ิได้ทั้งประโยชน์และโทษต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย

สไตล์ “พิธา” ไหลลื่นไม่ติดไม่ขัด จัดเรียงความคิดอย่างเป็นระบบ มาดของผู้รอบรู้ พูดแล้วคนเชื่อ เห็นภาพตาม ในอารมณ์กองเชียร์และสังคมทั่วไปปลื้มกับ “ผู้นำในอุดมคติ”

แต่เสียดายที่พลาดโอกาสได้นั่งแท่นนายกรัฐมนตรีของไทย

ตามปรากฏการณ์การเมืองสหรัฐฯ พัฒนามาอยู่ในจุดที่ “โพล” ชี้นำไม่ได้ ตรงกันข้ามการเมืองไทย โพลรายวัน สำรวจกันถี่ยิบทุกสัปดาห์ จากสำนักมาตรฐาน “นิด้าโพล” คนส่วนใหญ่เชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ผู้นำคนสุดท้องตระกูลชิน จะลากอำนาจไปจนสุดทาง ครบเทอมในปี 2570

หมายเหตุ ต้องลุ้นด่านโหด ขึ้นกับผลงานกู้มหาวิกฤติเศรษฐกิจ

สดๆร้อนๆ “สวนดุสิตโพล” เปิดแต้ม “นายกฯแพทองธาร” บทบาทโดดเด่นสุดในทางการเมือง ต่อเนื่องกับโพลโนเนม โพลเชลียร์ที่อวยผู้นำรัฐบาลเพื่อไทย

หักมุมกับ “กุมารเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน ที่ยังเร่งเครื่องไม่ขึ้น เมื่อเทียบกับความแรงของตัวพ่อด้อมส้ม

เข้าเหลี่ยม “ปลุกอุปาทานหมู่” คู่แข่งรุมขย่ม ข่มขวัญกันยกใหญ่.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม