กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศ ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนออกไปเป็นแค่ “เตรียม”
เพราะอากาศเย็นยังเบาบาง รู้สึกได้แค่ภาคเหนือตอนบน
ขณะที่ภาคอีสาน ภาคกลาง กทม.ยังมีฝนตกทิ้งทวน อุณหภูมิค่อนไปทางร้อนอบอ้าวซะมากกว่า และนั่นก็ไม่ต่างจากประเทศอื่น ภาพข่าวแบบที่ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ยังไม่มีหิมะปกคลุม ช้าสุดในรอบ 130 ปี
ภูมิอากาศโลกเดือด ฤดูกาลผิดเพี้ยนไปหมด
หน้าหนาว แต่อากาศอบอ้าว ล้อไปกับอาการร้อนๆ หนาวๆ ของเหล่าบอส “คดีโกงแห่งชาติ” ที่กำลังโดนลากเข้าบ่วงกรรม เป้าไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ ในยุทธการ “หนุมานถล่มกรุงดิ ไอคอน”
กวาดล้างขบวนการขายตรงแฝงแชร์ลูกโซ่ยุคดิจิทัล บอสตัวเป้ง บอสดาราไปรออยู่ในเรือนจำ กำลังลุ้นเฟส 2 “หมายจับ” ระดับแม่ข่าย ไม่เว้นดาราที่แฝง เป็นพรีเซนเตอร์
ใช้ความดังซุปเปอร์สตาร์ทำให้เหยื่อหลงเชื่อเจ๊งกันทั่วบ้านทั่วเมือง
เรื่องของ “บอส” ที่ไม่รอดสันดอน ติดบ่วงคดี “คนดังสีเทา” แถมยังเหมารวบ “นักร้อง–ทนายหน้าหอ” ที่แฝงตัวเป็นแก๊งตบทรัพย์ โดนประจานธาตุแท้ “โจรปล้นโจร” แต่ที่สังคมเฝ้าจับตาก็คือการลากไปถึงตัวการใหญ่
ลุ้นแกะรอยเส้นทางโยงล็อกคอตัวเป้งระดับ “เทวดา”
ตามการเชื่อมโยงเครือข่ายขบวนการ “อาชญาโกง” คดีแห่งชาติ ที่ยิ่งสาวยิ่งลึกเห็นไส้ใน “โมเดลคนดังสีเทา” บอสที่โผล่เป็นดอกเห็ด รวยแบบไม่มีที่มาที่ไปอวดชีวิตหรูหราลอยหน้าลอยตาในสังคม เย้ยกฎหมาย
อาศัยสังเวย “เครื่องเซ่น” เลี้ยงดูผู้มีอำนาจและสมุนข้าราชการ
เงินบาปของ “ดิ ไอคอน” ไหลถึงมือ “ไอ้โม่งการเมือง” จับได้คาปากลูกกระเป๋ง “รุกขเทวดา” ลามเป็นชนวนตะลุมบอนกันในหมู่ป้อมค่ายคู่อาฆาต
...
ฟาดฟันกันระหว่างค่ายพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย
ตามจังหวะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม สั่งให้ทีม CIB ตำรวจสอบสวนกลาง โอนสำนวนสอบสวนคดีโกงแห่งชาติ มาอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
เปลี่ยนเจ้าภาพหลักในการคุม “ธง” ไล่ล่าแก๊งอาชญาโกง รัฐบาลเพื่อไทยยอมเสี่ยง แบก “เครดิตความเชื่อมั่น” ทั้งๆที่สังคมเทน้ำหนักความไว้วางใจกับทีม CIB ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.
ท่ามกลางเสียงเอ๊ะ “เอะใจ” ฝ่ายการเมืองชิงยื่นมือมาอุ้มเผือกร้อน
พอดิบพอดีกับจังหวะติดดาบตะลุมบอน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดปฏิบัติการโยนระเบิดย้อนศรใส่พรรคแกนนำรัฐบาล
ชี้เป้า “แหล่งชุมนุมเทวดา” ตัวจริงเสียงจริง
อ้างอิงกับข้อมูลเชิงประจักษ์ “บอสแซม” คืออดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และ สส.ของพรรคเพื่อไทย “บอสก้อง” เจ้าของรายการดังก็เป็นเครือข่าย “เถ้าแก่ใหญ่”
หรือแม้แต่ “ตัวละครสำคัญ” ตามท้องเรื่องอย่างนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่เพิ่งไขก๊อกจากสมาชิกค่ายพลังประชารัฐ “เซ่นพิษ” สังเวยเทวดา ก็คืออดีตผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์ ของกลุ่มสามมิตร
โยงไปติดกับชื่อ “สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ตอนนี้ปักหลักกับ “นายใหญ่” ปล่อยปริศนาอักษรย่อเป็นชุด “ส ม ฮ ด อ” แฉกลับคนของเพื่อไทยส่อเอี่ยว “เงินบาป ดิ ไอคอน”
หักล้าง แก้ต่าง กู้สถานการณ์ช่วย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐที่โดนกระแส “เทวดา ดิ ไอคอน” ไล่ต้อนจนต้องถอยเกือบสุดกระดาน
เล่นเอาลูกทีม “เถ้าแก่ใหญ่” ต้องเรียงหน้าปฏิเสธกันปากสั่น
ขู่ลั่นเอาคืนด้วยกฎหมาย จ่อฟ้องโทรโข่งลุงบ้านป่าฯฐานหมิ่นประมาท สาวไส้ด่าประจานกันลั่น
ตามสถานะพรรคเพื่อไทยถูกลากละเลงโคลน ตกเป็นจำเลยร่วมในสายตาสังคม นัวเนียปมเทวดารับเครื่องเซ่นแก๊งบอสสีเทา การสั่งให้โอนคดี ดิ ไอคอน มาอยู่ในมือของดีเอสไอ ในกำกับของฝ่ายการเมือง
จึงหนีไม่พ้นโดนระแวงสงสัย ถูกจับตาเรื่องของการ “ตัดตอน”
เพิ่มแรงหน่วงทางการเมือง จากสารพัดเชื้อไฟร้อนที่กำลังวนเข้าล้อมกรอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ต้องเคลียร์แบบงงๆ สภาพการณ์เดียวกับคดีตากใบที่เริ่มจากยุคพ่อ เหตุเกิดยุคอดีตรัฐบาลไทยรักไทย มาจบที่ยุคลูกสาว ในมือรัฐบาลเพื่อไทย
หมดอายุความ แต่ไม่หมดอายุแค้น
ตอกย้ำภาพของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน สลัดไม่หลุดจากความทรงจำของคน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และแนวร่วมสิทธิมนุษยชน
อารมณ์เดียวกับมวลชนคนเสื้อแดงที่เจ็บแล้วจำไม่อินกับมุก “นิรโทษกรรม” ไม่พ่วง ม.112 จุดตั้งต้นที่วนหาทางลงไม่เจอ ตามฟอร์มเขี้ยว พรรคเพื่อไทยถีบหัวส่งทีมเด็กรุ่นใหม่ พรรคประชาชน ยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.ของตัวเองเข้าประกบ แก้เกี้ยวจากที่โดนพรรคร่วมรัฐบาลล้อมกรอบในวง
“ขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม”
ต้องรำวง เดินหน้าหนึ่งก้าวถอยหลังสามก้าว เอาล่อเอาเถิด
แต่นั่นก็ส่อเสียมากกว่าได้ เพราะนับจากวันเสียงปืนแตก คนเสื้อแดงออกมาสู้ตามเสียงเร้าจากแดนไกลของ “นายใหญ่” จนต้องติดคุก ตายคาชุดนักโทษโดนขังอยู่ในเรือนจำ เกินครึ่งติดเงี่ยงแหลมคมปม ม.112
การตอบสนองประเด็น “นิรโทษกรรม” แค่รักษาทรง ประคองแต้มทางการเมือง คนเสื้อแดงไม่หลงเหลี่ยม สะบัดหน้าหนีรัฐบาลเพื่อไทยไม่จริงใจ
เทียบไม่ได้กับค่ายประชาชน ที่ลุยทะลุซอยไม่ผ่อนคันเร่ง
เดินหน้าสะดุด ถอยหลังหงายท้อง สภาพทีม “เถ้าแก่ใหญ่” ตกท้องช้างกระแสความนิยมทางการเมืองไหลลงแนวดิ่งจากปมอดีตย้อนกลับมาหลอน
พลิกขั้วอำนาจ แต่คดีค้างเก่าไม่พลิก
กระแสเสียดทาน แรงหน่วงการเมือง ฉุดทุกทิศทุกทาง แต่นั่นก็ยัง “ใจชื้น” อยู่บ้าง กับผลสำรวจของสำนักมาตรฐาน “นิด้าโพล” เปิดตัวเลขประชาชนส่วนใหญ่ มากเป็นอันดับหนึ่ง
มองว่า “รัฐบาลแพทองธาร” จะลากอำนาจไปจนครบเทอม 2570
นั่นหมายถึงคนไทยส่วนมาก ไม่เห็นแนวรบ “นิติสงคราม” จะสกัดเรือธงของผู้นำคนสุดท้องตระกูลชิน ไว้ได้ในวิถีกระสุนปืนใหญ่ อย่างที่เสียวๆกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทีม “เถ้าแก่ใหญ่” ก็ยังยิ้มได้ไม่สุด
เพราะต้องสะดุดกับ “หมายเหตุ” จากชุดคำถามเดียวกัน เสียงส่วนใหญ่ของ “นิด้าโพล” ฟันธงเหตุหลักที่ “รัฐบาลแพทองธาร” จะถ่อไม่ถึงปลายทาง
เพราะการบริหารเศรษฐกิจไม่สำเร็จ “ทำล่ม”
ล็อกปมเดิมพันปากท้องประชาชน เป็น “โจทย์บังคับ” เงื่อนไขโหดหินที่รัฐบาลลูกสาวเถ้าแก่ใหญ่จะฝ่ามรสุมฝ่า “ช่องแคบ” ไปได้
ตามสถานการณ์อย่างที่ต้องสะกด “ความเชื่อมั่น” 3 คำง่ายๆแต่โคตรยาก
ในสายตานักลงทุนทั้งในประเทศและต่างชาติ คิดหนักหากจะขนเงินมาเสี่ยงทิ้งทะเลกับรัฐบาล “ข้าวนอกนา” ของขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม ที่โงนเงน ส่อพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ในดง “นิติสงคราม”
ดีลอำนาจที่ไม่เสถียรตามสูตรการเมืองแบบไทยๆ
รัฐบาลผสมเกาะเกี่ยวกันไว้ด้วยเส้นใยบางๆบนฐานการแชร์ผลประโยชน์
แบบที่ล่าสุด ค่ำวันเดียวกันหลังประชุม ครม. สายข่าว “คอนเฟิร์ม” นายกฯแพทองธาร เพิ่งนัดดินเนอร์พิเศษกับ “2 น. เซราะกราว” เปิดวงลับเฉพาะกับ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายเนวิน ชิดชอบ “อาจารย์ใหญ่”
วงในแคะไม่ออกว่าวงเอกซ์คลูซีฟคุยกันเรื่องอะไร
แต่ในจังหวะพอดีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม เพิ่งถอยเรื่องเปลี่ยนสัญญาเมกะโปรเจกต์ “ไฮ สปีด เทรน” เชื่อม 3 สนามบิน ออกจาก ครม. เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่เออออด้วย
ต่อเนื่องกับช็อตที่นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวชัดๆหลังการประชุมพรรค ประกาศทีมเซราะกราวพร้อมหนุน “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” เพื่อประโยชน์ประชาชน
โดยไม่ได้เน้นล็อกเป้า “บุรีรัมย์” อาณาจักรเขากระโดง
แต่ขอโอกาสให้ปักหมุดบ่อนกาสิโนทุกพื้นที่ที่มีความพร้อมอย่างเท่าเทียมกัน
มันก็ชัด ต้องแชร์เค้ก แลกตั๋วไปต่อ ขัดคอ เมื่อไหร่ก็สะดุด.
“ทีมการเมือง”
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม