หลักคิดสำคัญที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมก็คือ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคมโดยเฉพาะประเด็นทางการเมือง
แต่ต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้นมาอีก
นี่คือประเด็นที่พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของพรรคประชาชนที่ต้องการให้นิรโทษกรรมคดี 112 ด้วย
เวลานี้กฎหมายนิรโทษกรรมมีการเสนอ 4 ฉบับเป็นของพรรคประชาชน พรรครวมไทยสร้างชาติฉบับของประชาชนและพรรคเล็ก
ทั้ง 4 ฉบับส่วนใหญ่คล้ายกันคือนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดคดีที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง แต่ไม่เกี่ยวกับการที่มีคนตาย ซึ่งเป็นการก่อเหตุที่รุนแรง และลบประวัติของผู้กระทำความผิด
ทั้ง 4 ฉบับอยู่ในแนวนี้...
แต่ของพรรคประชาชนต่างไปเมื่อมีประเด็น ม.112 ด้วย จึงเกิดปัญหาเนื่องจากมีผู้ไม่เห็นด้วยในประเด็นนี้
เนื่องจากเป็นความผิดเพื่อล้มล้างสถาบันที่คนไทยให้ความเคารพสูงสุด
หลังจากที่ กมธ.ที่สภาตั้งขึ้นมาเพื่อให้ศึกษาแนวทางการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ปรากฏมีบางส่วนเกี่ยวข้องกับ ม.112 ด้วย
ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ไม่รับผลศึกษานี้ อีกทั้งพรรคเพื่อไทยซึ่งไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้
แต่ปรากฏว่า สส.ส่วนใหญ่ก็ลงมติไม่เห็นด้วย ทำให้แนวทางการศึกษาต้องตกไป แม้ส่วนน้อยจะยกมือสนับสนุนก็ตาม
ความจริงแล้วพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น ที่ต้องการให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมและเสนอให้ตั้ง กมธ.ศึกษาแนวทาง
แต่ก็เกิดปัญหาจนทำให้เกิดความเข้าใจไปว่าเห็นด้วยกับคดี ม.112
แน่นอนว่าเพื่อไทยต้องการแก้ตัวใหม่พร้อมเสนอ พ.ร.บ.ประกบไปกับ 4 ร่างดังกล่าว ซึ่งก็ต้องรอสมัยประชุมหน้าเดือน ธ.ค.
“เพื่อไทย” ได้ย้ำชัดเจนว่าจะไม่นิรโทษ ม.110 และ ม.112 อย่างเด็ดขาด
...
ถ้ายืนยันอย่างนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะสอดคล้องกับแนวทางของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ให้ดีที่สุดก็คือ การหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยและตกลงไปในแนวทางเดียวกัน
จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง เพราะ “เพื่อไทย” ต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล เดี๋ยวจะเกิดปัญหาอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เดินหน้าอยู่พรรคเดียว
ว่าไปแล้วการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้นถือเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ปัญหาความขัดแย้งคลี่คลายไปได้ระดับหนึ่ง
แต่ต้องเป็นไปเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง
อย่างสมัยที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย เพื่อช่วยเหลือ “ทักษิณ ชินวัตร” ให้พ้นผิด
ทำให้ “นายกฯปู” ต้องตกจากเก้าอี้โดยพลัน!
ว่าไปแล้วกฎหมายลักษณะนี้ “เพื่อไทย” ได้ประกาศเป็นนโยบายของพรรค เพื่อช่วยเหลือมวลชนเสื้อแดงที่ถูกจับกุม
นอกจากจะช่วยพวกเดียวกันแล้ว ก็ยังเผื่อแผ่ไปยังกลุ่มการเมืองอื่นๆด้วย ถ้าอยู่ในเงื่อนไขเดียวกันจึงต้องเดินหน้าต่อ
เพราะจะมีผลต่อการลงคะแนนสนับสนุนในเวทีเลือกตั้งด้วย ซึ่ง “เพื่อไทย” ต้องการที่จะเก็บทุกคะแนนเพื่อชนะเลือกตั้งให้ได้
อีกทั้งยังต้องการเสียงหนุนจากคนรุ่นใหม่อีกด้วย
ไม่ต่างไปจากพรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะพรรคประชาชนที่ถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะต้องผลักดันให้สำเร็จ
แต่ด้วยแนวทางที่สุดโต่งเกินไปจึงประสบความสำเร็จยาก!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม