ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ สถานการณ์ทางการเมืองกำลังโหมใส่ “เพื่อไทย” แทบทุกด้าน แม้กระทั่งเรื่องเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา
ก็ยังตามหาความรับผิดชอบ...
คดี “ตากใบ” ที่นราธิวาส ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญและสะท้อนถึงขบวนการยุติธรรมไทยที่ด้อยประสิทธิภาพ
ปล่อยให้คดีหมดอายุความโดยผู้กระทำผิดไม่ได้เข้าสู่กระบวนการแม้แต่คนเดียว
สถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ที่กำลัง เดินไปสู่แนวทางสงบสุข เจอเรื่องนี้ซ้ำเติมก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดความรุนแรงลุกลามไปอีกแค่ไหน
เพราะมันไม่ต่างกับเชื้อปะทุที่โหมไฟขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
แม้นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการกล่าวคำ “ขอโทษ” และแสดงความเสียใจประกาศว่าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก
อีกทั้งบอกว่าไม่สามารถออก พ.ร.ก.เพื่อ ต่ออายุความได้ เนื่องจากเข้าหลักกฎหมาย
แต่การที่ไม่สามารถจับกุมผู้ถูกกล่าวหา ได้แม้แต่คนเดียว
อันนี้มันแสดงให้เห็นถึงการไม่มีความกระตือรือร้นแม้แต่น้อย และปล่อยให้เวลาทอดมาจนใกล้หมดอายุความจึงเคลื่อนไหวเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและ “เพื่อไทย” มิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้
เพราะเรื่องนี้เหตุเกิดสมัยที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ภายใต้รัฐบาล “ไทยรักไทย” จนมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน
มันเป็นเรื่อง “บุญทำกรรมแต่ง” อย่างหนึ่ง!
อีกด้านหนึ่งฉากในสภาฯว่าด้วยเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ก็ปรากฏว่า “เพื่อไทย” เอง ก็มีปัญหา จนทำให้มีการโหวตคว่ำข้อสังเกตของ กมธ.ตีตกนิรโทษ ม.112 ไม่ต้องส่งรัฐบาล
มี สส.เพื่อไทย 10 กว่าคนเท่านั้น ที่ยกมือเห็นด้วย อันแสดงถึงความเห็นต่างในพรรคไม่ไปในทิศทางเดียวกัน
...
จนถูกเย้ยหยันว่า “หมดน้ำยา” ถูกพรรคร่วมขี่คอ
ประเด็นที่กำลังจะเข้าสู่หัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญคือคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความผิดว่าด้วยการ “ล้มล้างการปกครอง” และการครอบงำพรรคการเมือง
ชี้เป้าไปที่ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “เพื่อไทย”
ทั้ง 6 ประเด็นล้วนสะท้อนถึงพฤติการณ์ของ “ทักษิณ” ทั้งสิ้น
หากศาลวินิจฉัยออกไปทาง “ลบ” ก็จะมีผลต่อรัฐบาล ภายใต้การนำของ “อิ๊งค์” นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุตรสาวแสนรักของเขา
พูดง่ายๆคือปั้นให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็ทำให้ตกเก้าอี้ได้เหมือนกัน
นี่เป็นวงจรการเมืองที่เกิดจากการ กระทำของตัวเองแท้ๆ ที่หลงเคลิ้มว่าตัวเองแน่ จะทำอะไรก็ได้โดยขาดความยั้งคิด
ไม่ต่างไปจาก “กิ้งกือตกท่อ”...
ระหว่างไต่บนเส้นลวดการเมือง ถ้าไม่รักษาสมดุลให้ดี โอกาสที่จะหลุดร่วงมานั้นง่าย แต่จะทรงตัวให้นิ่งนานนั้นต้องใจเย็นและรอบคอบ
เวลานี้สิ่งที่ปรากฏคือการทะยานขึ้นมาอย่างเงียบๆของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้า “ภูมิใจไทย” บนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ มท.1
ที่คะแนนนิยมน่าจะเบียดขึ้นมาสูสีผู้นำประเทศแล้ว
เพราะการตัดสินใจทางการเมืองหลายอย่าง “ตีกิน” แบบเนียนๆ
แม้จะยังยึดคติ “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” แต่สถานการณ์ทุกอย่างมันเหมือนกับ “ลูกเข้าตีน” แม้แต่เรื่อง “ตากใบ” ก็ยังได้คะแนน
ปัญหาน้ำท่วมก็ได้รับคำชมมากกว่า เพราะใส่ใจและลงพื้นที่ตลอด
ที่เป็นจุดเด่นสุดคือจุดยืนทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมาย นิรโทษกรรมที่ได้หล่อและความชัดเจน
“เพื่อไทย” และ “อิ๊งค์” เทียบไม่ติด!
พูดง่ายๆว่า “เงานายกฯ” คนใหม่กำลังทาบแล้ว
“ทักษิณ” เวลานี้ยังต้องเก็บตัวเงียบแบบไร้ร่องรอย เพราะเกรงจะเจอปัญหาเพิ่ม กระโดดโลดเต้นเหมือนก่อนไม่ได้
นี่คือภาวะที่เป็นจริงของรัฐบาลชุดนี้!
“ลิขิต จงสกุล”
คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม