“ยูนัยดี วาบา” ชี้ กรณีเหตุการณ์ตากใบต้องเยียวยาความรู้สึกของผู้สูญเสียด้วยความยุติธรรม ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเงิน จี้รัฐบาลแสดงความชัดเจนต่อคดีตากใบที่กำลังหมดอายุความในคืนนี้
วันที่ 25 ต.ค. 2567 ที่อาคารรัฐสภา นายยูนัยดี วาบา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมอภิปรายในญัตติด่วนด้วยวาจา เกี่ยวกับกรณีคดีสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบขาดอายุความ พร้อมกับเห็นด้วยกับญัตติ และขอให้ส่งเรื่องไปยังกรรมาธิการฯ เพื่อหาทางออกให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป พร้อมกับได้อภิปรายเพื่อสะท้อนความรู้สึกของญาติผู้เสียชีวิตว่า หลังจากได้ฟังจากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในวันขนย้ายผู้ต้องหา จนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ตนได้รับฟังและรับรู้ความรู้สึกจากภรรยาและลูกๆ ผู้เสียชีวิต หลังจากได้ขาดผู้นำครอบครัว นอกจากนี้ตนยังได้มีโอกาสไปร่วมงานศพที่กุโบร์ โดยภาพเหล่านั้นยังคงตราตรึงและฝังอยู่ในความทรงจำของตนและพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดภาคใต้
“เราต้องเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกของครอบครัวที่ขาดผู้นำ บางครอบครัวบอกว่าสามีเขาไปซื้อของที่ตลาด ไม่ได้ต้องการไปชุมนุม แต่เห็นคนเยอะ จึงเข้าไป จนเกิดการปิดล้อมและเสียชีวิต เขาไม่ได้เป็นผู้ร้าย แล้วเราจะให้ความยุติธรรมแก่ครอบครัว ให้แก่ญาติพี่น้อง วงศ์ตระกูลของเขาอย่างไร ที่ประชาชนโดยทั่วไปคิดว่าเขาคือคนร้าย ผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองไปแล้ว” นายยูนัยดี กล่าว
พร้อมกันนั้น นายยูนัยดี ได้แสดงความรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ตากใบและเห็นใจญาติพี่น้องที่สูญเสีย เห็นใจพี่น้องสามจังหวัดที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงตลอด 20 ปี และเห็นว่าการเยียวยาไม่ได้ทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกว่าได้รับความยุติธรรม แม้จะเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น แต่การนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความจริง จึงจะเป็นการแสดงความจริงใจของรัฐ และไม่ต้องการให้กรณีตากใบเป็นเงื่อนไขในการสร้างความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะเป็นห่วงว่าจะเกิดผลกระทบต่อกระบวนการพูดคุยสันติภาพได้
...
นายยูนัยดี จึงเสนอให้รัฐมีแนวทางแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน โดยเฉพาะในระยะเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนต่อคดีตากใบที่กำลังหมดอายุความในคืนนี้ (25 ต.ค. 67) เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับพี่น้องประชาชน แม้ว่าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงแสดงความเสียใจต่อกรณีดังกล่าวแล้ว แต่รัฐบาลจะต้องมีแนวทางดำเนินการเพื่อให้พี่น้องประชาชนรู้สึกผ่อนคลาย และรับรู้ได้ถึงความจริงใจที่รัฐมีต่อประชาชน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจำเป็นต้องเปิดอกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และจะต้องทวงคืนศักดิ์ศรีของกระบวนการยุติธรรมของไทยให้กลับคืนมา