“อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” โต้ “ชัยธวัช” มั่นใจขั้วรัฐบาลมีเอกภาพ ชี้ลงมติไม่เห็นด้วยข้อสังเกตรายงานนิรโทษกรรมบ่งบอกแล้ว วอนทุกฝ่ายหนุนกฎหมายสร้างเสริมสังคมสันติสุขเข้าสภาฯ นิรโทษผู้กระทำผิดทางการเมือง ยกเว้น ม.112 เพื่อพาประเทศไทยออกจากวังวนของความขัดแย้งห้วง 20 ปี
วันที่ 25 ตุลาคม 2567 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรีในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ และวิปรัฐบาล กล่าวว่า ตนขอเรียนชี้แจงจากกรณีการตั้งข้อสังเกตของนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้กล่าวว่า การที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมนั้น แสดงถึงความไม่มีเอกภาพของรัฐบาลนั้น ว่า การลงมติไม่เห็นด้วยดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความเป็นเอกภาพ และมีความมั่นคง จากการที่ปรับพื้นฐานทางความคิดเข้าหากัน จนมีแนวทางเดียวกัน แม้ในอดีตจะมีความเห็นต่างอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันมีพื้นฐานความคิดเดียวกันแล้วย่อมสะท้อนถึงเอกภาพของรัฐบาลในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี
ต่อมาการที่หลายพรรคการเมืองมีมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตในรายงานฉบับดังกล่าวนั้น ไม่ได้หมายความถึงว่าจะไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมในการกระทำความผิดที่มีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติขอยืนยันว่า ทางพรรคเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิดที่มีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมือง เพื่อหาทางออกให้กับประเทศจากวังวนของความขัดแย้ง แต่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดในมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ดังนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติยังได้เสนอร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … เข้าสู่สภาฯ แล้ว เพื่อนิรโทษกรรมคดีที่มีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เพื่อยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยไม่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิดในมาตรา 112
...
ดังนั้นทางพรรครวมไทยสร้างชาติจึงเรียกร้องให้พรรคประชาชนและทุกภาคส่วน ได้เห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว เพื่อหาทางออกให้กับสังคมไทยที่ติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นทางออกของประเทศชาติอย่างแท้จริง ตามที่ทุกฝ่ายปรารถนาอยากเห็นความปรองดองสมานฉันท์ในชาติให้เกิดขึ้น