"ดินเนอร์" พรรคร่วมรัฐบาลที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่นไม่มีอะไรซีเรียสเพราะทุกอย่างลงตัวหมด

ที่มีเมฆตั้งเค้ามาก่อนหน้าก็แค่ม่านบังตาเท่านั้น

เพราะเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาลคือสิ่งสำคัญที่สุด เรื่องอื่นๆ จึงเป็นเรื่องรองไปเลย โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” ในฐานะแกนนำดูเหมือนจะยอมทุกอย่าง

พูดง่ายๆ ว่าทุกอย่างลงตัวจึงจบ

แต่เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหน้าเสียตาก็เลยบอกว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลกับสภาต้องแยกกัน ถือเป็นเรื่องคนละส่วน

แค่นี้ก็จบ...

เอาเป็นว่าเรื่องกฎหมายให้เป็นเรื่องสภา แต่เรื่องนโยบายเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ทุกพรรคจะต้องให้ “เพื่อไทย” เป็นฝ่ายกำหนด

การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ “เพื่อไทย” เคยเดินหน้าเต็มตัวก็ยอมให้ “ภูมิใจไทย” คือจะไม่มีการแก้ไข การเลือกตั้งคราวหน้าก็จะใช้รัฐธรรมนูญปี 60 ฉบับปัจจุบัน

กฎหมายนิรโทษกรรม “เพื่อไทย” ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่แตะ ม.112 แม้ก่อนหน้านี้ยังแทงกั๊กอย่างที่ กมธ.เสนอรายงานการศึกษาออกเป็น 3 แนวทาง

1.ไม่นิรโทษกรรมความผิด ม.112

2.บวกนิรโทษกรรม ม.112 ด้วย ตามที่พรรค “ประชาชน” ต้องการ

3.บวก ม.112 แต่มีเงื่อนไข

เมื่อนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าจะไม่แตะต้อง ม.112 ก็เท่ากับว่าการนิรโทษกรรมจะไม่มีเรื่อง ม.112

ทั้งนี้ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าเป็นภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนว่าความผิด ม.112 ไม่มีการนิรโทษกรรมเด็ดขาด

ก็เท่ากับว่าปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญและกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นอันจบ เพราะ “เพื่อไทย” ได้แสดงท่าทีชัดเจน

เพียงแต่ให้สภาไปพิจารณากันเองว่าจะไปทางไหนเท่านั้น!

...

งานเลี้ยงของพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้จึงถือว่าทุกอย่างเกิดความชัดเจนโดยไม่มีฝ่ายไหนเสียหน้า เพราะเอาเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นหลักเพื่อความมั่นคง

นั่นทำให้ปิดช่องพรรคฝ่ายค้าน “ประชาชน” ที่เคยมีความหวังว่า “เพื่อไทย” จะเป็นแนวร่วมให้บรรลุเป้าหมายได้

แน่นอนว่า “เพื่อไทย” คงไม่ยอมศิโรราบทุกอย่าง แต่มีเงื่อนไขว่านโยบายที่ “เพื่อไทย” คิดและต้องการพรรคร่วมรัฐบาลต้องเอาด้วย

เช่น กาสิโนบันเทิงครบวงจร แลนด์บริดจ์ เป็นต้น

เพราะนโยบายเหล่านี้มีผลอยู่ 2 อย่าง คือ เป็นความจำเป็นที่ต้องทำเพราะรัฐบาลไม่มีงบประมาณจำนวนมากที่จะลงทุนเองในโครงการใหญ่ๆ ได้

และความจำเป็นที่จะต้องสร้างผลงานให้โดดเด่นเพื่อใช้ในการหาเสียง

ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็คงไม่มีปัญหาเพราะได้ประโยชน์ไปด้วย เนื่องจากเป็นรัฐบาลด้วยกันสามารถนำไปหาเสียงได้

เพียงแต่ว่าในสนามเลือกตั้งก็ต้องไปสู้กันเอง

“เพื่อไทย” นั้นหวังจะชนะเลือกตั้ง การดึงพรรคร่วมรัฐบาลให้เกาะกลุ่มกันได้อย่างนี้คือเป้าหมายหลัก เพราะมั่นใจว่าไม่มีพรรคไหนสู้ได้

ส่วนการจัดการในเรื่องการส่งผู้สมัครก็คงต้องคุยกัน เพราะแต่ละพรรคต่างก็หวังได้ สส.มากที่สุด คงยอมกันยาก

แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ที่แน่ๆ คือพรรค “ประชาชน” ต่อให้ชนะเลือกตั้งก็เป็นรัฐบาลไม่ได้ นอกจากจะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งเพราะถ้าไม่ถึงก็ไม่มีทาง

สำคัญก็คือ “เพื่อไทย” ต้องไม่ถูกสอยเสียก่อน!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม