“ภูธรภาค 9” แจง กมธ.พัฒนาการเมือง สว. หนึ่งในผู้ต้องหาคดีตากใบ หนีไป สปป.ลาว แล้ว ยันพยายามติดตามทุกวัน แต่ไม่เจอตัวผู้ต้องหาแม้แต่รายเดียว
วันที่ 22 ตุลาคม 2567 รัฐสภา บรรยากาศการประชุมกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้เชิญ พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ตัวแทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. โดยมี พ.ต.อ.จาระวิทย์ วงศ์ชัยกิติพร รองผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ตัวแทนสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายสรพงศ์ ศรียานงค์ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง และสำนักงานอัยการภาค 9 นายอารยะ กระโหมวงศ์ โดยทั้งหมดมาชี้แจงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาคดีตากใบเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้
พล.ต.ต.สุนทร ขวัญเพ็ชร อดีตพนักงานสอบสวน สภ.หนองจิกในช่วงเหตุการณ์ เข้าให้ข้อมูล โดยเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันนั้นว่า ได้มีการจับกุมนายกามา อาลี กับพวก ซึ่งชุดอาสารักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. รวม 6 คน ที่อ.ตากใบ ได้เข้ามาแจ้งความว่าอาวุธปืนถูกปล้นไป แต่ตำรวจเชื่อว่านายกามา และพวกเป็นคนขโมยอาวุธปืนไปเอง จึงได้จับกุมก่อนที่ชาวบ้านในอ.ตากใบจะมาประชุม และขอให้ปล่อยตัว เจ้าหน้าที่จึงได้สลายการชุมนุม เพราะเวลาขณะนั้นใกล้จะค่ำแล้ว โดยได้คุมตัวผู้ชุมนุมขึ้นรถจำนวน 26 คันเพื่อนำมาที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก ในช่วงเวลานั้นตนอยู่อ.หนองจิก ซึ่งตนฟังเจ้าหน้ารายงานผ่านวิทยุสื่อสารการเคลื่อนขบวนมาที่อ.หนองจิกตลอดเวลา จนวันรุ่งขึ้น วันที่ 26 ต.ค. 2547 ตนได้เข้าเวรสอบสวนที่ สภ.หนองจิก ผู้บังคับบัญชาแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิตในค่ายอิงคยุทธบริหาร ซึ่งได้มีคำสั่งให้ตนเองไปชันสูตรศพร่วมกับแพทย์เวรของสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ โดยตนพบว่า ศพไหนที่สามารถระบุตัวตนได้จะส่งกลับคืนญาติ แต่ศพบางรายไม่สามารถตามหาญาติได้ จึงเก็บร่างไว้
...
พล.ต.ต.สุนทร เล่าว่า ได้ทำสำนวนชันสูตรพลิกศพอยู่เกือบเดือน หลังจากนั้นตนได้ย้ายงาน ซึ่งก่อนย้ายจาก สภ.หนองจิก ได้ส่งต่อสำนวนคดีให้ร้อยเวรดำเนินการต่อ หลังจากนั้นตนได้มาเกี่ยวข้องกับคดีนี้อีกครั้งเมื่อมีการเบิกเงินชันสูตรพลิกศพ และตอนขึ้นศาลที่จ.สงขลา ซึ่งในชั้นศาลเป็นการเบิกความพยานว่าได้ดำเนินการอะไรมาบ้าง แต่ไม่มีทนายความมาซักค้าน ส่วนอัยการไม่ได้ซักค้านมากนัก ทั้งที่หากเป็นคดีใหญ่และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจะต้องมีญาติเข้ามาร่วม ต่อมามีคนแจ้งว่า คดีนี้มีการตกลงกันแล้ว มีการจ่ายเงินเยียวยา จากนั้นตนเองไม่ได้ติดตามเรื่องนี้จนตนเองเกษียณอายุราชการ กระทั่งปี 2563 ได้รับโทรศัพท์จากสส. เชิญเข้ามาพบ สอบถามว่าสำนวนคดีตากใบหายไปไหน ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่หาย เพราะเป็นคนทำเองและส่งมอบอย่างถูกต้องแล้ว
ขณะที่ พ.ต.ต.รังสี มั่นจิตร หัวหน้าซักถาม ศูนย์พิทักษ์สันติ ได้ชี้แจงแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ว่า ตร.ได้มีการติดตามผู้กระทำผิดต่อเนื่อง ตั้งแต่การลงพื้นที่ตามภูมิลำเนา ส่วนการขอหมายจับอินเตอร์โพลได้ดำเนินการไปแล้ว 14 คน ไม่ว่าจะเดินทางออกในช่องทางปกติและธรรมชาติ ได้ดำเนินการสั่งการไปแล้ว ยืนยันว่า ลงพื้นที่ติดตามทุกวัน
ด้านพล.ต.ต.นิตินัย หลังหย่าหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รายงานว่า ได้ให้สั่งชุดจับกุมไปติดตามค้นหาตามภูมิลำเนาในสถานที่ที่คาดว่าซ่อนตัวอยู่ แต่ปัจจุบันยังไม่พบตัว โดยวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เดินทางไปพร้อมกับรองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เข้าพบรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เนื่องจากมี 1 ในผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งปัจจุบันเป็นปลัดอำเภอท่าอุเทน โดยให้ผู้บังคับบัญชานำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อต่อสู้คดี แต่ได้รับรายงานว่า ปลัดนายนี้ได้ขาดราชการ ไม่สามารถติดต่อได้ จึงให้ตำรวจพื้นที่พยายามติดตาม ซึ่งล่าสุด ข้อมูลจากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหารายนี้หลบหนีไปอยู่ใน สปป. ลาวแล้ว ขณะนี้พยายามติดตามตัวอยู่ แต่ยังไม่พบตัวผู้ต้องหาแม้แต่คนเดียว