“จิราพร” ยัน ไม่ตั้งคนนอกร่วมสอบปมคลิปเสียงเทวดา สคบ. เพิ่ม มั่นใจ คกก. ชุด “ประเสริฐ” ตั้ง เผย พุธนี้รายงานความคืบหน้า ย้ำ 30 วันต้องได้ข้อสรุป ยัน ไม่ทิ้งคดี “ร้านทองแม่ตั๊ก”

วันที่ 21 ตุลาคม 2567 น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้มีคนนอกเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการสอบสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นอกเหนือจากคณะกรรมการที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แต่งตั้งขึ้นมา ว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีของคลิปเสียง สคบ. มีบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ สคบ. อย่าง นายชาติพงษ์ จีระพันธุ ถือเป็นผู้ที่ได้รับความน่าเชื่อถือในเรื่องการตรวจสอบมีความซื่อตรงในการทำงานและอัยการอาวุโส ขณะเดียวกัน ก็มีทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และตัวแทนจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งหมดก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ สคบ.

ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า การทำงานล่าช้า และการตรวจสอบไม่จริงจัง อาจเป็นเหตุให้ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร The iCon Group อาจจะหลุดรอดคดีไปได้ น.ส.จิราพร ยืนยันว่าในส่วนของการตรวจสอบ สคบ. จะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความน่าเชื่อมั่น สร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา โดยย้ำว่าจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสะสางทั้งกระบวนการทำงาน สคบ. ให้กระจ่าง เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะแก้ปัญหาต่อไปอย่างไร โดยมีคณะกรรมการ 2 ส่วน คือ 1. หาข้อเท็จจริง โดยจะต้องใช้พยานบุคคล พยานหลักฐาน พยานวัตถุ มาเชื่อมโยงที่มาที่ไปเพื่อนำมาสู่ข้อเท็จจริง และ 2. คณะกรรมการที่นำข้อกฎหมายของ สคบ. ข้อกฎหมายมีข้อจำกัดอย่างไร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การแก้ไขเชิงนโยบายต่อไป

...

ขณะที่การอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหลัก โดยร่วมทำงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งถือว่ารวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดย สคบ. ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมสอบสวน อีกทั้งสำนักเศรษฐกิจการคลัง ที่กำกับดูแลกฎหมายแชร์ลูกโซ่ ก็เข้ามาเร่งดำเนินการ ส่วนความคืบหน้าหลังคณะทำงานเริ่มไปแล้ว 3-4 วันนั้น คณะทำงานชุดใหญ่ที่ นายประเสริฐ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการ 2 ชุดไปทำงาน แล้วกลับมารายงานผลการสอบภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งวันพุธนี้ (23 ตุลาคม 2567) จะรายงานความคืบหน้ามาให้ทราบ

สำหรับความเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบจะเป็น ปปง. โดยก่อนหน้านี้ สคบ. ได้เชิญผู้เสียหาย และเชิญบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป เข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ บอสพอล ก็โดนจับกุมตัวไปก่อน ทางด้านกฎหมายขายตรงที่ สคบ. ยื่นตรวจสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น เป็นการหารือภายใน ยืนยันว่าจะเร่งทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ตามกรอบเวลา แต่หากไม่แล้วเสร็จและจำเป็นต้องขยายกรอบเวลาเพิ่มก็จะขยายเพิ่ม พร้อมย้ำว่าขอให้เชื่อมั่นคณะทำงาน ทุกคนมีความเชี่ยวชาญ

ทางด้านความคืบหน้าการสอบสวนของ สคบ. คดีร้านทองแม่ตั๊ก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง. ได้ประชุมและมีมติในการสืบสวนเชิงลึกทั้งกรณีของร้านทองแม่ตั๊ก น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร และกรณีดิไอคอนกรุ๊ป น.ส.จิราพร ย้ำว่าแม้จะมีคดีใหม่เข้ามา สคบ. ก็ไม่ได้ทิ้งคดีแม่ตั๊ก หากประชาชนที่คิดว่าเป็นผู้เสียหายในกรณีของแม่ตั๊ก สามารถไปแจ้งความที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือที่สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง ที่รับแจ้งความทั้ง 2 คดี

ในส่วนของผลสอบพิสูจน์เปอร์เซ็นต์ทองร้านแม่ตั๊ก ที่เก็บไป 6 ตัวอย่าง ซึ่งพบว่าบางส่วนมีเปอร์เซ็นต์ทองตรงตามมาตรฐานคือ 99.99 เปอร์เซ็นต์ บางอันก็มีค่าเปอร์เซ็นต์ทอง 70 กว่าเปอร์เซ็นต์แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้เอาทองของผู้เสียหายไปตรวจเพื่อไปเปรียบเทียบกับทองทั้ง 6 ตัวอย่าง ซึ่งจะต้องรอผลพิสูจน์

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้แซว น.ส.จิราพร ว่าเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนแรกที่เข้ามาทำงานแล้วเจอแต่คดีที่เกี่ยวข้องกับ สคบ. ที่ร้อน โดยเจ้าตัวยิ้มและบอกกลับมาว่า มีแต่เรื่องร้อนฉ่า แต่อย่างไรก็จะทำงานให้เข้มข้น เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม.