ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ บดบังข่าวการเมืองเรื่องรัฐบาลไปหลายวันด้วยเรื่อง “แชร์ลูกโซ่” ยุคดิจิทัลต้มตุ๋นที่แยบยลขึ้น แชร์ชม้อยของ “ชม้อย ทิพย์โส” ชิดซ้ายไปเลย เพราะนี่ฟาดกันเป็นหมื่นๆล้าน
ตัวละครก็มีทุกสาขาอาชีพรวมหัวกันหลอกชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักการเมือง ดารา พิธีกร และข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ
แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้น...
แต่งานนี้ดูเหมือนตำรวจจะเป็นแม่งานหลัก ทำให้คดีคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.คนใหม่ ได้สั่งการอย่างเอาจริง เอาจัง
ถือเป็นการประเดิมตำแหน่งใหม่
ล่าสุด 18 บอส ถูกส่งเข้าคุกไปเรียบร้อยแล้ว
ที่น่าเห็นใจก็คือผู้เสียหาย ซึ่งมีจำนวนมากที่ต้องเสียเงินให้ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” คงจะเรียกคืนยาก เพราะคงยักย้ายถ่ายเทไปเรียบร้อยแล้ว
คงเป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่จะต้องจดจำเอาไว้ให้ดีว่าทุกวันนี้อย่าเชื่อใจอะไรง่ายๆ แม้กระทั่งดาราที่เป็นขวัญใจก็ไม่เว้น
เพราะผลประโยชน์มันล่อตาล่อใจ ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
งานนี้รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ก็ร่วมด้วยช่วยกัน ด้วยการ สั่งการให้เจ้าหน้าที่จัดการอย่างเด็ดขาด
เก็บตกคะแนนไปไม่มากก็น้อยแหละ...
พูดถึงรัฐบาลแล้ว หลังจากที่แบงก์ชาติประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้น
เพราะทำให้วงจรเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน ที่เห็นทันตาคือตลาดหุ้นพุ่งขึ้นไปที่ 1,500 จุดแล้ว
เท่ากับว่าตลาดทุนเริ่มทำงาน นักลงทุนต่างชาติกลับมาแล้ว
การส่งออกก็น่าจะดีขึ้น เพราะดอกต่ำ ค่าเงินก็อ่อนลง
ทุกอย่างดูจะเป็นใจไปเสียหมด อยู่ที่ว่าจะออกนโยบายอะไรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรมเท่านั้น
...
แต่ที่กำลังมีปัญหาก็คือการเมือง เรื่องกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม และร่างกฎหมาย ที่ความเห็นต่างกัน
นายกรัฐมนตรีคงเห็นท่าไม่ดีจึงนัดหมายพรรคร่วมรัฐบาล
“ดินเนอร์” เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เห็นกันไปคนละทางในวันที่ 21 ต.ค.67
จัดหมวดหมู่ความขัดแย้งที่เป็นรูปธรรมอย่างเช่นกฎหมายนิรโทษกรรม โดยเฉพาะประเด็นความผิด ม.112 จะร่วมสุดซอยด้วยหรือไม่
ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ ประกาศไม่เอาด้วย
เพื่อไทยยังสงสัยท่าที เพราะในร่างรวมได้แยกเป็น 3 เงื่อนไข คือ 1. ไม่รวม 2.รวม 112 ด้วย 3.รวมแต่มีเงื่อนไข
“เพื่อไทย” มีความเห็นต่าง
นัยนี้เพราะ “ทักษิณ ชินวัตร” มีคดี ม.112 ติดตัวอยู่ คนในพรรคบางส่วนก็อยากให้รวมไปด้วย แต่อีกส่วนไม่เห็นด้วย
ที่สำคัญคือพรรคร่วมไม่เอาด้วย
จึงต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญจนถึงวันนี้ น่าจะชัดเจนไปแล้วว่าไม่สามารถดำเนินการ ให้ทันสภาฯชุดนี้ และภูมิใจไทยก็ขวางลำเต็มที่ โดยใช้ สว.เป็นกลไกยังไงก็ไปไม่รอดแล้ว
อยู่ที่กฎหมายนิรโทษกรรมนี่แหละ “เพื่อไทย” จะเอายังไง เพราะพรรคร่วมประกาศท่าทีชัดเจนแล้วว่าไม่เอาด้วย
ที่เป็นปัญหาของ “เพื่อไทย” อีกเรื่องคือคดี “ตากใบ”
“ดินเนอร์” มื้อนี้จึงมีความหมายอย่างยิ่งที่ “เพื่อไทย” ต้องมีความชัดเจน
มิฉะนั้นอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้!
“ลิขิต จงสกุล”
คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม